เรื่องเล่า: Buddha say, Everything is OK.
http://septimustidbits.blogspot.com
ในห้วงเวลาที่บ้านเรากำลังพูดถึงการปฏิรูปบ้านเมืองให้กระชับ มีหลากความคิดหลายความเห็นนำเสนอที่โน่นนั่นนี่ และทุกที่ที่เราจิ้มคีย์บอร์ดเข้าไปอ่าน อ่าน และอ่าน
เพื่อนรักเคยโหดหากยามนี้นุ่มนวลยิ่งแล้วด้วยฝีมือลูกสาวตัวน้อยของมันเองก็ฟอร์เวิร์ดเมลล์นี้มาให้เราอ่านอีกครั้งเมื่อวาน
แม้ว่าเรื่องราวจะค่อนข้างนานมาแล้วคือ ๑๘ เดือนโดยประมาณ หากก็ยังนับเอาได้ว่าเป็นการมองแผ่นดินแม่ในแนวที่ฝรั่งเรียก โพรแอกทีฟ
อาจมีบางจุดที่สามารถกระตุ้นแรงโมหะโทสะของท่านที่อยู่ในบางแวดวง
ทว่าเวลานี้เป็นเวลาที่พวกเราต้องร่วมด้วยช่วยกันพาชาติเดินหน้าอย่างมั่นคง
หากท่านสามารถ เปลี่ยนพลังเหล่านั้นเป็นความฮึด ปรับเปลี่ยนท่าน องค์กรของท่าน ไปในองศาตรงกันข้าม เพื่อเป็นฟันเฟืองที่สำคัญของชาติ แทน
บรรพบุรุษที่เคยสละแล้ว เมื่อมองลงมา ก็คงจะภาคภูมิในลูกหลานไม่น้อยที่…
ได้ดั่งใจ !
สิ่งเหล่านี้เป็นกระบวนการ
ซึ่งทำมานาน
และเป็น Plot เรื่องที่เขาวางไว้เรียบร้อยแล้วว่าจะให้จบยังไง
ลองลำดับภาพเหตุการณ์ดู
ก็เห็นว่ามีความเป็นไปได้
แล้วถ้าเป็นจริง
ประเทศเรากำลังตกอยู่ในอันตรายอย่างมาก
เพราะตอนนี้คะแนนของประเทศเราใกล้เป็น
(เหลืออีก 10 คะแนน ก็จะเป็นแล้ว)
คุณโสภณฯยังบอกว่าจริงๆก็ไม่อยากยุ่งเรื่องการเมือง
แต่นี่เป็นความเป็นความตายของประเทศ
แล้วลูกหลานจะอยู่ได้อย่างไร
วันนี้ได้รับฟอร์เวิร์ดเมลล์ที่มีเนื้ื้อหาเหมือนกันเป๊ะกับใบปลิวที่เราหยิบมาจากพระมหาธาตุแก่นนคร
คิดว่าบางทีถ้านำมาลงบล็อกให้ทราบกันก็คงจะดีไม่น้อยเผื่อจะได้เป็นข้อเตือนใจบ้าง
ส่วนการลงท้ายดังข้างล่างนี้ ขอเป็นอย่างนี้ก็แล้วกัน…โปรดใช้วิจารณญาน ไม่เชื่ออย่าลบหลู่….
“โลชังชม โทโพโส อินโกรุณา”
พระอิทร์พรหม ยมราช ได้สั่งไว้ว่า ถ้าบุคคลใดได้รู้แล้ว จงรีบบอกต่อให้คนอื่นฟังหรือพิมพ์แจกตามกำลังศัทธา จะเกิดมหากุศลช่วยให้ท่านหลุดพ้นจากมหันตภัยพิบัติทั้งปวง ถ้าใครไม่มีไว้ในบ้านจะมีภูตผีปีศาจเข้ามาทำลายอย่างแน่แท้ ผู้ใดนำเรื่องไปพิมพ์แจก 1000 ใบ ภายใน 15-30 วัน ผู้นั้นจะมีโชคลาภ มีความสุข ความเจริญ คิดสิ่งใดสมปรารถนาทุกประการ และผู้ใดได้รู้ได้อ่าน อย่าคิดว่าเป็นการหลอกลวง หรือไม่เชื่อ และผู้ใดคิดจะพิมพ์แจก ก็ต้องพิมพ์แจกภายใน 15-30 วัน อย่าคิดพิมพ์ผัดวันประกันพรุ่ง หรืออ่านแล้วทิ้ง มันผู้นั้นจะมีเรื่อง และมีภัยพิบัติเกิดขึ้นกับผู้นั้น
รู้สึกตื้นตันเหลือเกินเมื่อได้อ่านความเห็นนี้
คืนนี้ก็เลยอดไม่ได้ที่จะนำมาโพสท์บอกกล่าวกัน
และขอภาวนาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตลอดจนพระสยามเทวาธิราชได้โปรดปกป้องทหารหาญทุกท่านให้ได้รับความปลอดภัย การสู้รบสงบลงโดยเร็วด้วยเทอญ
เมื่อเช้าที่หน้าจอทีวี เห็นข่าวสั้นจุ๊ดวิ่งแว่บๆว่า มียาวิเศษสามารถช่วยให้คนกินมีอายุยืนถึง ๑๐๐ ปี
ทำให้นึกถึงนิทานพื้นบ้านภาคใต้ที่เพิ่งจะมีโอกาสได้อ่านเป็นครั้งแรกเมื่อเร็วๆนี้
เป็นนิทานที่คนภาคเหนืออย่างเราไม่เคยได้ยินได้ฟังมาก่อน เรื่องราวในนิทานนั้นก็มีว่า…
มีรายงานจากนักจิตวิทยาเมืองอังกฤษเมื่อเร็วๆนี้ว่า จากการสุ่มตัวอย่างสำรวจผู้คนจำนวน ๓,๐๐๐ คน พบว่าสามีภรรยาแต่ละคู่จะวางมือจากหน้าที่การงานต่างๆได้ก็เมื่อเวลา ๒๐.๐๕ น. และยังต้องใช้เวลาอีก ๓๙ นาที จึงค่อยรู้สึกผ่อนคลายและหายเหน็ดหายเหนื่อยจากความหนักอึ้งของหน้าที่การงานประจำวันลงได้
ความที่ต้องตรากตรำในหน้าที่การงานอยู่หลายชั่วโมงประกอบกับงานในบ้านที่็เว้นก็ไม่ได้ด้วยนี้เอง ทำให้คู่สามีภรรยามีเวลาสำเริงสำราญด้วยกันในวันหนึ่งๆได้ไม่ถึง ๗๕ นาที
ท้ายสุดก็สรุปความเห็นไว้ว่า ความเหน็ดเหนื่อยของชีวิตสมัยใหม่จากอาชีพการงานและงานในบ้าน ได้ทำให้สถิติการหย่าร้างสูงขึ้น และยังพบว่าสามีและภรรยา ต่างก็มีวิธีการผ่อนคลายความเหน็ดเหนื่อยของตนกันคนละแบบเสียด้วย
นั่นคือผลจากการใช้ชีวิตในโลกทุนนิยมที่ต้องบอกว่า น่าลำเค็ญเหลือเกิน
ซึ่งเราก็เชื่อว่าชีวิตที่เมืองไทยสำหรับผู้ที่ทำงานในเมืองหลวงหรือในเมืองใหญ่บางแห่งก็ไม่ต่างไปจากนี้สักเท่าไหร่ และด้วยวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไปจากแต่ก่อนมากมายนี้เองก็จึงทำให้การทำความดีในฐานะพุทธศาสนิกชนต้องมีการปรับเปลี่ยนตามไปด้วยโดยปริยาย แล้วก็อาจนำมาซึ่งความสงสัยบ้างก็ได้ว่า…
“ถ้าเราทำความดี ประพฤติตนดีในสังคม แต่ไม่เคยเข้าวัดหรือตักบาตร จะได้บุญหรือไม่ แตกต่างกันอย่างไร”
บันทึกเช้านี้เป็นข่าวที่สมควรนำมาแปะไว้เพราะถือเป็นคัลเจอร์ช็อคอย่างหนี่งที่ในชีวิดต้องพบเจอความตรงข้ามที่ผันกลับมาอีกครั้ง
เป็นความพยายามที่จะกลับไปใช้ชีวิตให้กลมกลืนกับธรรมชาติมากที่สุด เบียดเบียนธรรมขาติให้น้อยที่สุด
อธิบายเสียไกล วกเข้าเรื่องเลยดีกว่า…
เมื่อวานขณะจัดกระเป๋าไปด้้วยฟังข่าวไปด้วย
ช่วงหนี่งต้องเงยหน้ามองท่านนายกชี้แจงผลการประชุมด่วนพิเศษ
ก็ได้ทันเห็นหัวใจงามของท่าน
ใบหน้าท่านเศร้าฉาบความกังวลห่วงใยในความปลอดภัยของพี่น้องขาวไทยของท่าน
อย่างไม่ปิดบังอำพราง กับ ไม่เลือกว่าจะอยู่ฝ่ายตรงข้ามหรือไม่
ท่านกำลังทำปัจจุบันของชาติให้ดีที่สุด
“พักตราเหมือนเดือนฉายในวันเพ็ญ
งามเด่นกลางห้วงเวหาหาว
เพียงได้ยลชุ่มชื่นเป็นครั้งคราว
ได้แต่ปองได้แต่เฝ้าอยู่ห่างไกล”
ร่างกายเรารู้สึกค่อยยังชั่วกับอากาศเย็นเฉียบยามเช้าตรู่ืัที่มีหมอกเหมยลงจัด
เมื่อได้จัดการข้าวต้มปลาNile Perchหอมฉุยหนักเครื่อง ๑ ชามไม่ใหญ่ ตบท้ายด้วยกาแฟรสเข้มอีก ๑ แก้ว
พร้อมกัน นวนิยายแนวก่อนเสียกรุงที่นำกลับมาอ่านใหม่อีกครั้งก็จบลงไปอีกหนึ่งบท
ในบทมีการเล่าถึงลักษณะกลศึก!