April26
10 เมษายน 2553 ฉันยังอยู่ในช่วงท่องเที่ยวพักผ่อน โดยมีแผนว่าจะกลับกรุงเทพในช่วงที่ผู้คนเริ่มทยอย
ออกจากกรุงเทพ-วันหยุดยาวปีใหม่ไทย บ่ายวันเดียวกันที่เพื่อนจากกรุงเทพเริ่มโทรหา บอกเล่าสถานการณ์
ที่ส่อเค้าว่ากำลังจะรุนแรง .. และทั้งๆ ที่ทำใจไว้ก่อนแล้วว่า ไม่วันใดก็วันหนึ่งความรุนแรงคงจะต้องเกิด
ฉันก็ยังอดห่วงกังวลไม่ได้ว่าจะรุนแรงมากน้อยขนาดไหน
เย็นวันเดียวกัน .. แม้จะกังวลเรื่องสถานการณ์ในกรุงเทพ แต่ก็จำเป็นต้องสวมบทสดชื่น
ไปร่วมงานเลี้ยงที่ผู้ร่วมงานล้วนแต่เป็นคนในแวดวงสื่อ ที่มีทั้งนักแสดง ผู้กำกับ ผู้สื่อข่าว
แม้จะไม่ใช่สื่อของบ้านเรา แต่พวกเขาเหล่านี้ก็มีอิทธิพลในการแสดงความคิดเห็น
และพวกเขานี่แหละที่เมื่อพบหน้ากันครั้งแรก ก็เป็นพวกที่บอกกับฉันว่า
I love your King และคำพูดนั้นก็ไม่ใช่สักว่าพูดเพื่อเอาใจคนไทยอย่างฉัน แต่เพราะพวกเขา
ได้อ่าน ได้ดู และได้รับรู้ถึงพระจริยวัตรและพระราชกรณียกิจอันงดงามของในหลวง
จนเกิดความปีติ ซาบซึ้งไม่ต่างอะไรกับพวกเราชาวไทยเลย
March31
ด้วยสารพัดป้าย -สารพัดสีที่คงจะแลเห็นกันได้ตามข้างถนนในเมืองกรุงปัจจุบันนี้
ที่มิได้มีเฉพาะเหลืองหรือแดง หากแต่มีเขียว ขาว น้ำเงิน ก็ทำให้เมืองกรุงดูมีสีสันกว่าเดิมไม่น้อย
เวลาขับรถผ่านไป เห็นป้ายต่างๆ นั่น ความรู้สึกหนึ่งแง่ดีที่เกิดในใจ คือคนไทยสนใจในเรื่องการเมือง
และดูกระตือรือร้นกับสถานการณ์ปัจจุบันมากกว่าเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้นัก ที่น่าจะชื่นชมยิ่ง
คือความอดกลั้นของชาวกรุง ที่รับมือกับสถานการณ์ความไม่เป็นปกติของเมืองหลวง
อย่างละมุนละม่อม รอมชอม และหลีกเลี่ยงความรุนแรงได้อย่างสละสลวยที่สุด
March26
อันที่จริงแล้ว ฉันว่าจะไม่เขียนถึงพวกเสื้อแดงอีกเพราะรู้สึกไม่ค่อยจรรโลงเท่าไหร่
เนื่องจากโดยรวมการกระทำหรือวาทะ วาระอะไรของกลุ่มคนเสื้อแดง ก็มิได้ยิ่งใหญ่งดงาม
หรือควรแก่การยกย่องอันใดเลย อีกทั้งเป้าหมายหลักเป้าหมายเดียวก็เรื่องเดิมๆ ฟอกผิดเป็นถูก
ล้างสมองผู้คนที่โลกทัศน์แคบให้คล้อยตามไปกับเรื่องที่พวกเขาตัด-ต่อ-แต่ง-เติมขึ้นมา
แล้วมักจะชอบมั่วดึงมวลชนอันไม่รู้อิโหน่อิเหน่อย่าง .. คนกรุงเทพ .. ไปเข้าพวกเสียเฉยๆอย่างนั้น
ที่มักจะถูกนำไปอ้างใช้บนเวทีอยู่เป็นประจำก็เช่น พวกเขาแห่กันไปทางไหน
คนกรุงเทพก็ออกมาให้การสนับสนุนเนืองแน่น