Life is beautiful ..
ครั้งล่าสุดที่ได้พูดคุยกับเพื่อนสนิทที่คบหากันมา 24 ปี เพื่อนที่แค่มองตา
ก็รู้ว่าฉันกำลังคิดอะไรหรือเพียงแค่ฉันเอื้อมมือ เธอก็จะหยิบของที่ฉันอยากจะหยิบ
ส่งให้ได้ในทันที เราเติบโตมาด้วยกัน ผูกพัน สนิทสนมกลมเกลียว
แม้จะขัดใจขัดคอกันบ้างแต่ก็ไม่เคยทำให้สัมพันธภาพต้องหยุดชะงัก
เราคุยกันถึงผู้คนที่เราต้องพบปะ สนทนา ทั้งทางหน้าที่การงานและในชีวิตประจำวัน
จังหวะหนึ่งเธอก็เอ่ยออกมาว่า
” มึงต้องให้เวลาคนพวกนั้น แล้วเขาจะรู้ว่ามันไม่ได้เป็นอย่างที่พวกเขาคิด “
.
ทำไมเธอถึงพูดเช่นนั้นน่ะหรือ .. ก็เพราะผู้คนซึ่งพบปะกันอย่างฉาบฉวย ชั่วระยะเวลาสั้นๆ
มักจะคิดว่าฉันอ่อนแอด้วยเพราะความอ่อนน้อม อ่อนโยนที่ฉันมีให้กับคนเหล่านั้น
และเพราะความอ่อนน้อม อ่อนโยนนี่เองที่ถูกตีความหมายไปในทางว่า ฉันอ่อนพละกำลัง
ด้อยความสามารถในการตัดสินใจ และอ่อนประสบการณ์ในการดำรงชีวิต
แน่นอนว่าชีวิตของคนหนึ่งคน ย่อมประสบทั้งเรื่องร้ายและเรื่องดีแตกต่างกันไป
บางคนตกระกำ ทุกข์ระยำซ้ำซาก บางคนเกิดมาไม่เคยรู้จักกับคำว่ายากลำบากซักครั้ง
บางคนทุกข์ตอนเช้า สุขตอนสาย บ่ายกลับมาทุกข์ก็มี เพราะชีวิตของเราแต่ละคนแตกต่างกัน
การดำเนินชีวิตก็แตกต่างกัน ผู้คนที่เราต้องพบเจอก็คนละพวกคนละกลุ่มกัน
แม้ว่าจะร่วมโลกเดียวกันก็ตามทีและฉันก็ไม่นิยมนำประสบการณ์ของตัวเองไปเปรียบ
กับประสบการณ์ที่ผู้คน คนอื่นๆ ได้พบเจอ เพราะในวินาทีแต่ละวินาทีที่แต่ละคน
ต้องประสบพบเจอกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง จนนำพาให้กลายเป็นประสบการณ์ที่ดีหรือร้ายนั้น
ความเคลื่อนไหวของสรรพสิ่งในแต่ละสถานที่ แต่ละสถานการณ์และสถานะในการตัดสินใจ
ย่อมไม่เหมือนกันอย่างสิ้นเชิง
ระยะหลังๆ มา ฉันรู้สึกว่าตัวเองตกเป็นผู้ที่น่าห่วงใยในสายตาของคนหลายคน
ในขณะที่ฉันเองก็ห่วงกังวลความรู้สึกของคนเหล่านั้นเช่นกัน ทั้งๆ ที่ฉันก็ไม่ได้มีอะไรผิดแปลก
ไปจากเดิมที่ฉันเคยเป็น ความห่วงใย ความกังวลเลยวนเวียนอยู่ในกงล้อปฎิสัมพันธ์
อย่างเลี่ยงไม่ได้ และมันทำให้ฉันอึดอัด .. ด้วยความรู้สึกว่าถูกจับตามองตลอดเวลา
” มึงต้องให้เวลาคนพวกนั้น แล้วเขาจะรู้ว่ามันไม่ได้เป็นอย่างที่พวกเขาคิด “
เพื่อนย้ำแบบนั้นหลายครั้ง ไม่ว่าฉันจะหาเหตุผลอะไรมาคัดง้างบทสนทนาแทนผู้คนที่เรากล่าวถึง
เธอก็จะตอบกลับมาแบบเดิมว่าฉันต้องให้เวลาคนพวกนั้นได้ทำความรู้จักตัวตนที่แท้จริงของฉัน
แล้วพวกเขาจะรู้ว่า .. ไม่ต้องห่วงฉัน ..
วันก่อน .. ฉันแวะไปเยี่ยมเยือนโปรไฟล์ของเพื่อนที่แสดงไว้ในออนไลน์เว็บไซต์หนึ่ง
เธอเขียนอธิบายเกี่ยวกับตัวตนของเธอไว้ว่า .. ” เรียบง่าย ชอบเดินทาง ชอบพบปะผู้คน
ชอบเรียนรู้วิถีของผู้คนที่แตกต่างเพราะชีวิตนี้ช่างงดงามเหลือเกิน ” ฉันยิ้มหลังจากที่อ่าน
วลี ” ชีวิตนี้ช่างงดงามเหลือเกิน ”
นัยยะความหมายของวลีนั้นมันกินวงกว้างมาก สำหรับคำว่า ” ชีวิต ” แต่ก็สื่อถึงความเป็นตัวตน
ของผู้ที่มองโลกในแง่ร้าย-ดี ตามระบบวงโคจรของชีวิตเช่นเธอได้ตรงที่สุดแล้ว
เพราะผู้ที่จะคิดว่า ” ชีวิตนี้ช่างงดงามเหลือเกิน ” ได้นั้น น่าจะเป็นคนที่รับได้
กับกระแสความเปลี่ยนแปลงและผลกระทบทุกอย่างในชีวิต ไม่ใช่ว่าจะต้องเป็นผู้ที่มองโลกในแง่ดี
ถึงจะคิดว่าชีวิตนี้ช่างงดงามเหลือเกินเท่านั้น แต่ผู้ที่จะคิดว่าชีวิตนี้ช่างงดงามเหลือเกินนั้น
น่าจะเป็นคนที่ดำเนินชีวิตตามทางสายกลางนั่นเอง
สำหรับตัวฉันแล้ว ชีวิตนี้ช่างงดงามเหลือเกิน เมื่อได้ทำอะไรที่ปลดปล่อยตัวเอง
จากพันธนาการทั้งปวง .. อย่างเป็นอิสระ .. ไม่ว่าผลที่ทำจะดีตามคาดหรือร้ายกว่าที่กะไว้
เพราะชีวิตนั้นเหมือนเข็มนาฬิกาที่บอกเวลา ซึ่งหากเข็มสั้นและเข็มยาวมีขนาดความยาว
ที่เท่ากันหมด เราก็คงแยกแยะไม่ออกว่า ไหนคือเข็มที่บอกชั่วโมง ไหนคือเข็มนาที
และไหนคือเข็มวินาที
ร้าย-ดี เรียนรู้ไว้เพื่อให้ชีวิตรู้จักสั่งสมผลกระทบ ประสบการณ์ อย่าไปนั่งจมปลัก
ผูกติดอยู่กับแค่เรื่องใดเรื่องหนึ่งหรือความรู้สึกใดความรู้สึกหนึ่ง ในเมื่อชีวิตนี้งดงามเหลือเกิน
ก็ดำเนินชีวิตไปตามจังหวะเวลา วิถีชีวิต ผู้คนที่พบปะ ฯลฯ และอย่าลืมความเป็นตัวตนของตัวเอง
ซึ่งแม้ว่าความอ่อนน้อม อ่อนโยนของฉัน อาจจะนำมาซึ่งความรู้สึกว่าตัวเองถูกจับตามอง
ด้วยความห่วงใยตลอดเวลา แต่ฉันคงจะไม่ปรับบุคคลิกตัวเองเป็นกระด้าง ให้ดูขึงขังเข้มแข็ง
แต่คงจะปล่อยเวลา .. และให้โอกาสประดาผู้ซึ่งรู้จักฉันอย่างฉาบฉวย ได้รู้จัก “ฉัน”
ให้มากกว่านี้ เหมือนอย่างที่เพื่อนสนิทฉันกล่าวไว้
อิจฉาคนได้ไปเที่ยวจังเลย
หากเราตั้งไว้ว่าชีวิตงดงาม ก็คงงดงามตามที่คิดเนอะ แต่เผลอใจทีไร ชอบเผลอเดินจมลงไปในปลักความทุกข์อยู่เรื่อยอ่ะ ศศิ …
เช้านี้ก็อีกปลักนึง เดี๊ยวต้องรีบเดินลงไปแล้วรีบขึ้นมาดีกว่า ^ – ^
have a good day นะคะ 🙂
เปลี่ยนเป็นให้เขาคิดในสิ่งที่เราเป็นดีกว่าไหมเอ่ย
สวัสดีค่ะพี่ชาย สู้ๆ พี่ 5555 มีพวกเดนก็ดี ทำให้เรารู้ว่าเดนกับดีมันแตกต่างกันยังไงน่ะค่ะ
พักหลังๆ หนูนิ่งๆ แต่ซุ่มดูอยู่เงียบๆ ค่ะ เหนื่อยกับการที่จะต้องโขกสับเรื่องซ้ำๆ ซากๆ
รอไว้โยนตูมเดียว จบๆ ไปเลยดีกว่า
เดี๋ยวไม่แน่ (คือต้องรอดูอารมณ์มารดาก่อนค่ะ 555) ถ้ามารดาไม่เกรี้ยว ศุกร์นี้หนูลงหาดใหญ่ค่ะ
good evening ค่า ;)))))
ชีวิตจะ beautiful มากกว่านี้ถ้าไมมีพวกเดนสังคม
วัน ๆ มีแต่เรืองสาระพัดเรื่อง ไม่รู้มันสรรหามาจากไหน
บางทีก็ไม่อยากจะสนใจปล่อยให้มันเป็นไป
แต่ก็อดไม่ได้ เพราะถ้าทุกคนคิดแบบเราก็เข้าทางมัน
เลย beautiful แบบที่เห็นนี่แหละ..เฮ้ออออ
กลายเป็น It my life ไปซะแล้วคุณ sazzie
สวัสดีค่ะน้องกิ๊บซี่ การมองคนอื่นเพียงฉาบฉวยแล้วตัดสินโช๊ะว่าต้องแบบนั้นแบบนี้แน่ มันทำให้คนเสียคนมามากแล้วค่ะ
ที่พี่เจอมา มันเป็นคำพูดทำนองว่าพี่นี่ช่างเป็นคนที่อ่อนต่อโลกเหลือเกิน ซึ่งจะให้พี่ไปอธิบายว่า ไม่ ไม่ หรือใช่ ใช่ อย่างนี้อย่างนั้น พี่ก็ไม่ทำล่ะค่ะ
ของแบบนี้ต้องให้เห็น ให้เจอ ให้รู้สึกเองดีกว่า เพราะถ้าเราอธิบาย เดี๋ยวก็จะเจอพวกตะแบงไปทางอื่นให้ต้องตามแก้อีกน่ะค่ะ
อืมม .. ถึงกับต้องเลิกเขียนไปเลยเหรอคะน้อง .. ว่างแล้วก็มาอัพบ้างนะคะ อย่าให้ถึงกับหายไปเลยนะคะ เพราะพี่คิดถึง
ขอให้งานใหม่ หน้าที่ใหม่ ราบรื่น ก้าวหน้า ประสบผลค่ะน้อง เทคแคร์ด้วยนะคะ
good evening ค่า :)))))
สวัสดีค่ะคุณ lostview 🙂 ใช่ค่ะ หากเรามองอย่างสวยงามทั้งสองมุม
ฝนหยุดยังคะ ??
good evening ค่า ;)))))
สวัสดีค่ะคุณ gthammachai ยินดีค่ะ เพราะทั้ง wonderful
แล้วยัง fantastic อีกบางครั้ง so amazing ด้วยแน่ะ อิอิ
good evening ค่า ;)))))
สวัสดีค่ะคุณ sep’ คมจริงๆ ค่ะ ก็คงให้เวลาจัดการแจกแจงให้พวกเขารู้จักกันมากขึ้นเองค่ะ
good evening ค่า ;)))))
สวัสดีค่ะพี่เลดี้ หนูจะเกิดอาการวิตกจริตเวลาที่มีใครแสดงอาการห่วง กังวลในตัวหนูน่ะค่ะพี่
รู้สึกว่าเราไปทำอะไรให้ใครต้องห่วงปานนั้นเลยหรือ
แล้วก็ไม่สามารถจะอรรถาธิบาย หรือบอกตรงๆไปได้ว่าไม่ต้องห่วงน่ะค่ะ
เพราะแบบนั้นจะดูเหมือนว่า หยิ่งยะโส แหะๆ
ก็คงปล่อยเวลาจัดการหยิบยื่นความเป็นตัวตนของหนูให้คนเหล่านั้นได้รับรู้กันเองน่ะค่ะพี่
ขอบคุณค่ะ good evening ค่า ;)))))
สวัสดีค่ะคุณ completefeeling ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะ
และถูกเลยค่ะ ว่าชีวิตคือการเดินทาง จะสิ้นสุดก็ต่อเมื่อหมดลม
แต่ละอย่างที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเลยควรค่าแก่การเรียนรู้อย่างยิ่งค่ะ
good evening ค่า ;)))))
ใครบางคนชอบตัดสินคนอื่นด้วยการรู้จัก พบหน้า เพียงครั้งเดียว แล้วก็ตัดสินตามบรรทัดฐานที่ตัวเองกำหนด
แต่เมื่อเวลาผ่านไปใครบางคนนั้นจะรู้ว่าได้ตัดสินคนอื่นผิดพลาดไปเสียแล้ว และทำให้ใครบางคนนั้นเสียชื่อเสียง จนเพื่อน ๆ รู้เช่นเห็นชาติและจะไม่มีใครอยากคบด้วย
นี่เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิตที่ทำงานของ gib เองค่ะ ใครบางคนนั้นคือเจ้านาย ส่วนคนอื่นก็คือลูกน้อง
ปัจจุบันเจ้านายคนนี้กำลังจะไม่เป็นที่ยอมรับของเพื่อนฝุง และผุ้บังคับบัญชา gib ก็ได้แต่สงสารเขา เพราะเขาทำตัวของเขาเอง จริงดั่งที่เพื่อนสนิทของพี่ว่าไว้
วันนี้ gib มาเม้นท์ยาวไปหน่อยนะคะ อาจเป็นไปได้ว่าจะไม่ได้เข้ามาเขียน Mblog อีกด้วยภาระหน้าที่การงานกำลังจะเปลี่ยนไป
มีความสุขทุกวี่วันนะคะ
ชีวิตคือสิ่งสวยงามจริง ๆ ค่ะ
ขอเพิ่ม life is woderful ไปด้วยอีกค่ะ
ชีวิตคือหนังสือเล่มหนึ่ง
ถ้าเขาเปิดดูเพียงหน้าเดียวแล้วสรุป ก็นับว่าเขาทำผิดพลาดอย่างแรงนะคะ
^___^
ความอ่อนน้อม อ่อนโยน และอ่อนแอ
3 คำนี้ มีความหมายต่างกันโดยสิ้นเชิง ใครจะนำมาผูกไว้ด้วยกัน ก็ช่างเขาเถิด เพราะเราไปบังคับใครอื่นไม่ได้..
เราอยู่ของเราอย่างเป็นสุข นั่นสุดเลิศแล้วค่ะ คุณศศิ
ชีวิตคือการเดินทางค่ะ
และการเดินทางเต็มไปด้วยการเรียนรู้ค่ะ
ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ