.

ในขณะที่กรุงเทพกำลังลุกเป็นไฟ ใครบางคนก็เพลิดเพลินใจอยู่ในปารีสวางท่าว่าไม่สนใจใดๆ ทั้งนั้นกูกำลังฮอลิเดย์

 หลายคนสงสัยมันไปเสนอหน้าอยู่ที่ปารีสได้ยังไง ก็สถานะพลเมืองมอนเตรเนโกรนั่นไงที่นำพามันไปจนถึงที่นั่น

 แต่อย่างไรก็ตามรัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศสก็สั่งห้ามไม่ให้มันผู้นี้ปริปากวิพากษ์วิจารณ์สถานการณ์ทางเมืองไทย

 แต่ใครจะห้ามไอ้ผีเจาะปากมาพูดแบบมันผู้นี้ได้ วันที่ 31 พ.ค.นี้รอฟ้งคำสำรากปากตอแหลของมันเถิดว่าจะเปิดปาก

 ในนัดแถลงข่าวกับประดาสื่อทางนั้นว่าอย่างไรบ้าง

 

 

 

 

 

 

 

 ทราบข่าวว่าพี่ๆ น้องๆ หลายคนน้ำตากลบตากับภาพพระเพลิงลุกโชนกลางกรุงและในอีกหลายจังหวัดทั่วประเทศ

 ฉันไม่อาจจะมองข้ามการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่พักหลังๆ มาผู้คนเรียกกันจนติดปากว่าตะกวดได้

 เนื่องจากรู้สึกว่าเจ้าหน้าที่สีกากีทั้งหลายไม่ได้ช่วยบรรเทาสถานการณ์หรือแบ่งเบาภาระใดๆ ในการรักษาความสงบ

 ในบ้านเมืองนี้เลย

 

 

 

 ในวันที่กรุงเทพจมอยู่ในกองเพลิง .. หลายสิบสายที่โทรแจ้งสถานการณ์ต่างๆ กับสถานีวิทยุแห่งหนึ่ง

 ในระหว่างที่พระเพลิงกำลังโหมกลางกรุง รอบๆ นอกนั้น ก็มีการก่อความไม่สงบตามถนนรนทาง

 ต่างก็ระบุเจาะจงเลยว่ามีตำรวจยืนอยู่ในที่เกิดเหตุแต่ไม่ยอมระงับเหตุ ปล่อยให้ชาวกรุงผู้ที่กำลังอยู่ในภาวะตื่นตระหนก

 ต้องเสี่ยงภัยเสี่ยงอันตราย และได้แต่ยืนมองตาปริบๆ ดูพวกชิบหายทำลายชาติก่อกวนที่นั่นที่นี่

 ทั้งนี้ยังไม่รวมถึงบทบาทการทำหน้าที่ใน ศอฉ. ที่นอกจากเสนอหน้าร่วมโต๊ะแถลงข่าวแล้วก็ไม่มีหน้าที่อื่นใด

 ที่ฟังแล้วพอจะเข้าข่ายว่าเป็นหนึ่งของหน่วยงานที่พยายามช่วยรักษาความสงบในบ้านเมือง

 ซ้ำบางข่าวรายงานมาว่าตำรวจทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยพวกทำลายชาติอยู่กรายๆ สนับสนุนเสียงก่อนหน้า

 และภาพลักษณ์ที่ว่าตำรวจเกือบทั้งหมดเป็นตำรวจมะเขือเทศอิงแดงและเอนเอียงเข้าข้างอย่างไม่อิดเอื้อน

 

 

 

 

 

 

 ยิ่งวานนี้เห็นภาพแถลงข่าวของแกนนำเสื้อแดงที่เข้ามอบตัว ในบรรยากาศสุดแสนจะเป็นกันเอง

 แล้วฉันก็รู้สึกทะแม่งๆ ในใจ บอกตรงๆ ว่าไม่ไว้ใจในการทำงานของตำรวจแม้แต่นิดเดียว ยิ่งในสถานการณ์สำคัญเช่นนี้

 เห็นภาพแกนนำร่าเริงเหมือนโดนแค่คดีขับรถไม่มีใบขับขี่ ทั้งๆ ที่เป็นคดีใหญ่ที่หมายถึงการก่อจราจล

 การปลุกปั่นให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองและผลงานชั่วก็ยังทนโท่ไม่ห่างไม่ไกลจาก สตช.

คือเศษซากของสิ่งก่อสร้างในย่านธุรกิจสำคัญที่ถูกเพลิงผลาญนั่น แต่บรรยากาศ

ของการแถลงข่าว กลับเป็นคนละขั้วดั่งว่า ..

 

 

 

 

 

 

 ใครบางคนบอกว่า .. ครั้งนี้เป็นเพียงการวัดใจทหารและรัฐบาล อีกไม่นานสถานการณ์ที่รุนแรงกว่านี้จะตามมา

 แปลกตรงที่ว่าใจฉันก็คิดแบบนั้นอยู่เหมือนกัน คิดแบบนั้นมาตั้งแต่แกนนำอย่างณัฐวุฒิที่บทจะยกธงขาวก็ยินยอมอย่างง่ายดาย

 ทั้งที่วันก่อนหน้ายังเสียงแข็งมันก็ทะแม่งๆ อีกเหมือนกัน จะว่ากลัวตายจากสไนเปอร์ก็คงมีส่วนเพียงแต่จะเป็น

 สไนเปอร์ของฝ่ายไหนล่ะ ? ก็ต้องชั่งใจดูว่าการส่องจะเป็นประโยช์ต่อฝ่ายใด

 

 

 

 

 

 

 บางคนถามว่าเมื่อไหร่เรื่องร้ายๆ แบบนี้จะจบ .. อันนี้ต้องบอกต่อไปที่ส.ส.เพื่อไพร่

 พวกที่ช่วยกันปลุก ช่วยกันขนประชาชนในอุ้งมือตนเข้ามาก่อม็อบจราจลกลางกรุงให้สั่งคนพวกนั้นให้หยุด

 และคงไม่ผิดใช่ไหม ถ้าฉันจะบอกว่าผู้แทนราษฎรสั่วๆ พวกนี้จะต้องรับผิดชอบต่อเหตุจราจลในบ้านเมืองครั้งนี้ด้วย

 เพราะหลายต่อหลายคนได้ขึ้นเวทีและมีรายนามว่าเป็นผู้ให้การสนับสนุนการก่อม็อบตั้งแต่เวทีผ่านฟ้า

 มันไม่ได้อยู่ที่ว่าได้อ้าปากกรอกเสียงใส่ไมโครโฟนทำการปลุกระดมหรือไม่ แต่มันอยู่ที่ว่าพวกเขารู้ว่ากำลังทำอะไร

 จุดมุ่งหมายเพื่ออะไรและผลจะเป็นอย่างไร พวกเขาย่อมรู้แก่ใจและต้องมีส่วนรับผิดชอบในการนี้ด้วย !

 แม้แต่ในวันที่เพลิงโหมทั่วไทย ก็ยังมีหลักฐานแสดงใน youtube ว่าส.ส.จว.หนึ่งนำน้ำดื่มไปสนับสนุน

 กลุ่มป่วนเมืองที่เผาศาลากลางจว.แห่งนั้น นี่เป็นแค่ตัวอย่างหนึ่งที่ฉันได้รับคลิปมาและคาดว่าหลายคนในโลกออนไลน์

 ก็คงจะมีโอกาสได้ดูและได้ยินชื่อเต็มๆ ของส.ส.คนนั้นในคลิปแล้ว

 

 

 

 

 

 

 ฝากถึงรัฐบาลว่า .. ผลงานที่ผ่านมากับจำนวนตัวเลขยอดผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ

 ที่ต่ำกว่าที่ฉันคาดนั้นรัฐบาลและศอฉ.ทำดีแล้ว ทั้งนี้ก็อยากจะฝากว่า้อย่าใจอ่อน กับน้ำเสียงออดอ้อนว่าไม่รู้ไม่เห็น

 อย่าใจเย็น .. กับแกนนำที่ยังหลบหนีลอยนวล เสี้ยน .. ที่มันทิ่มแทงประเทศชาติอยู่ในขณะนี้

 รังแต่จะก่อให้เกิดเชื้อโรคสกปรก  ถ้าไม่รีบจัดการ แผลจะไม่ใช่แค่กลัดหนองจนระบม

 แต่มันจะลุกลามจนอาจจะต้องตัดอวัยวะืิทิ้ง 

 

 

 

 

 

 

ปล.ลืมไปอีกเรื่อง คืออันที่จริงแล้วนั้นในส่วนของประชาชนเสื้อแดงที่รัฐบาลส่งกลับไปนั่น

 ฉันว่ารัฐบาลพลาดไปเรื่องหนึ่ง คือก่อนจะส่งกลับควรที่จะส่งคนพวกนี้ไปเข้าค่ายอบรมโดยทหารฝ่ายจิตวิทยาเสียก่อน

 เพราะอย่างที่รู้กันว่าพวกเขาเหล่านี้ส่วนใหญ่ถูกครอบด้วยความคิดแบบผิดๆ  อย่างน้อยการสร้างความเข้าใจใหม่

 ด้วยความจริงที่ถูกต้องก็อาจจะมีส่วนช่วยในการโน้มน้าว ดึงความคิดของพวกเขากลับมาเข้าที่เข้าทางได้ไม่มากก็น้อย