ล่องเรือเที่ยวฮาลองเบย์
ล่องเรือบนผิวน้ำชมอ่าวฮาลอง (ฮาลองเบย์) ………ที่มีความงดงามมหัศจรรย์แห่งหนึ่งของโลก มีเกาะหินปูน 3,000 กว่าเกาะ
.

เรือสำหรับพานักท่องเที่ยวชมอ่าวฮาลอง
เริ่มต้นจากช่วงโปรโมชั่นของสายกายการต้นทุนต่ำ ฉันก็จองตั๋วเครื่องบิน จองโรงแรมที่ราคย่อมเยา
ในตอนแรกว่าจะไปถึงแล้วค่อยหารถเที่ยวตามโปรแกรมที่จัดเตรียมไว้ แต่บังเอิญทริปนี้มีพีสะใภ้ไปด้วย คุณเธอขี้บ่นซะเหลือเกินเลยต้องจองรถพร้อมคนขับเอาไว้ก่อน ตอนจองเราก็บอกทางบริษัทว่าเราเช่าแบบ 4 ที่นั่งเพราะพวกเราไปกัน 4 คน ทางบริษัทรถเช่าบอกว่าถ้าแขก 4 คน ต้องใช้รถยนต์ 7 ที่นั่ง ถ้าเป็นรถยนต์ 4 ที่นั่งสำหรับแขก 1- 2 คน เออ ! ฉันก็ลืมไปนะว่ารถยนต์ที่เรานั่งกันอยู่บ้านเราก็จดทะเบียนเป็นรถยนต์ 7 ที่นั่งเหมือนกัน แต่ด้วยความที่ต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายเลยลืมไป
พอเดินทางถึงสนามบินนอยไบ ก็มีโชว์เฟอร์มารอรับพาพวกเราไปยังเป้าหมายปลายทางคือฮาลอง โรงแรมที่เราได้จองเอาไว้แล้วก็นัดหมายเวลาให้มารับเรียบร้อย แล้วก็ติดต่ิอเรือสำหรับล่องเที่ยวชมฮาลองเบย์ ก็ติดต่อที่โรงแรมที่พักได้เลย พนักงานโรงแรมถามเราว่าจะเหมาไป มั๊ย ฉันก็บอกว่าไม่เป็นไรพวกเราไปรวมกันคนอื่นได้ ….แต่ยังไงก็ตามราคารวมเบ็ดเสร็จทริปนี้ไม่ถึง 9,000.- บาท ถูกกว่าราคาทัวร์ที่เดินทางด้วยรถยนต์ซะอีก
จากนั้น พวกเราก็แยกย้ายกันพักผ่อนเพราะแดดเปรี้ยงซะขนาดนั้นจะออกไปเดินก็ไม่ไหวขอตัวผักผ่อนก่อน…..พักเดี๋ยวนึงก่อน….จะรีบไปไหน จะรีบไปไหน คนมันกลัวแดดนี่
พอแดดร่มลมตกก็เริ่มเดินลัดเลาะริมทะเลกันเลย บรรยากาศยามเย็นช่างงดงามจริง นอกจากชื่นชมบรรยายกาศแล้ว ก็ช็อป
กระจุย กระจาย ตามสไตล์คนไทย ที่ช็อปไปต่อรองราคาไปแบบสนุกสนาน ตลาดที่ฮาลองเบย์มีคนไทยมาเที่ยวเยอะมากจนกระทั่งแม่ค้าพูดภาษาไทยได้ ยิ่งสนุกกับการต่อรองราคากันใหญ่
พอรุ่งเช้าวันใหม่ก็มีคนมารับพวกเราไปขึ้นเรื่อ ปรากฎว่าพี่แกเหมาเรือทั้งลำให้พวกเราไปกัน 4 คน ทั้งๆ ที่เรือทั้งลำนั้นเค้านั่งกันได้ถึง 30 คน เอ้า ! เหมาก็เหมากันสิน่า
คราวนีมาดูทัศนียภาพของฮาลองเบย์กัน

ถ้ำที่เราาเหมาเรือเล็กลอดใต้ถ้ำอีกที
พอทะลุใต้ถ้ำก็จะเจอบรรยากาศแบบนี้
Fighting Island (เกาะต่อสู้กัน)
พอออกจากถ้ำเรือก็พาพวกเราไปที่หู่บ้านชาวประมงเพื่อซื้ออาหราทะเลเป็นๆ พวกเราก็ไม่ค่อยสันทัดที่จะชี้เลือกกุ้ง หอย ปู ปลาเป็นๆ แล้วมาทำอาหารซะด้วยสิ กินน่ะ กินได้อยู่ แต่ถึงขนาดชี้ว่าเอาตัวนั้นตัวนี้น่ะ ไม่มีใครอยากจะเลือกกัน แต่พวกเค้าคงไม่เข้าใจหรอกว่าทำไม สุดท้ายก็ได้ ปู กะ กั้ง มา พอเห็นผักแปลก พวกเราก็จะเลือกผัก แต่เพื่อความมั่นใจก็ถามไกด์เราก่อนว่าทำได้มั๊ย เธอบอกว่า O.K. I cook เพราะฉะนั้นอาหารมื้อนั้นเรามีทั้งผักและ กั้ง กะ ปู จากนั้นคุณไกด์เธอก็ให้พวกเราลงเรือเล็กๆ ของชาวบ้านไปลอดใต้ถ้ำ(ภาพด้านบน) พอลอดถ้ำกันกลับมาพอดีคุณเธอ ก็ cook เรียบร้อย
คุณรู้มั๊ยว่าเธอทำอะไรให้พวกเรากิน โอ้ ! แม่เจ้า เธอลวกทุกอย่างทั้งผัก กั้ง และ ปู แล้วก้มีเกลือแล้วส้มจี๊ด 1 ลูก นั่นแหละคือน้ำจิ้มอันเลิศรสของเจ้าหล่อน ที่เธอบอกว่า I cook ก็คือลวกทุกอย่างที่ขวางหน้าไง
หลังจากกินอาหารเสร็จสรรพ เรือก็พาพวกเรากลับเข้าฝั่ง แต่มันดังก่อนกำหนดที่เรานัดหมายไว้กับโชว์เฟอร์ ตั้งนานทำไงดีหว่า ดันลืมขอเบอร์โทรศัพท์ อีตาโชว์เฟอร์เอาไว้ด้วยสิ เอาไงดีล่ะ งั้นเอาอย่างนี้แล้วกันไปเที่ยวตลาดที่ฮาลองก่อนแล้วกัน และตลาดนี้คงเป็นตลาดใหญ่ของเมืองฮาลองกะมัง ตลาดเค้าคลายๆกับตลาดวโรรสที่เชียงใหม่ ขายของหลากหลาย และที่นี่ที่เองฉัได้นเห็นว่าสาวๆ เวียดนามเค้ากินอาหารกัน คุณเชื่อมั๊ย เค้ามีกระติ๊กใส่ผักต้ม แล้วก็มีข้าวหนึ่งถ้วย เท่านั้นจริง ๆ เค้าพกพาอาหารมาตั้งวงกินเวลามาขายของ นั่นเอง จึงเริ่มเข้าใจแล้วหละว่าทำไมหนอ ? ชาวเวียดนามถึงได้ไร้พุง ผอมบางซะ ขนาดที่คุณพี่สะใภ้เธอบอกว่าตอนแรกที่เห็นโชว์เฟอร์นึกว่าแกเป็นเอดส์หรือเปล่าทำไมถึงผอมได้ขนาดนั้น แต่พอมาเห็นคนอื่นๆ ก็หุ่นประมาณนั้นทั้งนั้น
หลังจากนั้น พวกเราก็กลับมารอโชว์เฟอร์ต่อที่โรงแรม เลยเวลานัดแล้วแกก็ยังไม่มาสักที พอโชว์เฟอร์มาถึงพวกเราก็ใส่เลยว่าพวกเรารอนานมากนะ และหลังจากนั้นแกก็ไม่มาช้าอีกเลย เรียกว่าทำตัวดีขึ้นแฮะ
เอาละ พ่อโชว์เฟอร์ตัวดีของเรามาแล้ว ……..เตรียมตัวไปเที่ยวฮานอยกันต่อนะคะ แล้วพบกันที่ฮานอยนะคะ
*************************
แวะเข้ามาดูรูป และเรื่องราวที่ตัวเองไม่ได้ไปค่ะ
วันที่ไป ปีใหม่ ตอนไปอ่าวฮาลอง
มรสุมเข้าค่ะ ฝนตก มองแทบไม่เห็นวิว
ถ้ำลอด ก็ไม่ได้ไป ตลาดฮาลองก็ไม่ได้ไป
เฮ้อ พลาดตั้งหลายอย่างค่ะ
เสียดายเหมือนกัน ไม่่ได้ “คีบลิง” กลับมาสักตัว
แวะมาชมวิวเรือ ถ้ำลอดค่ะ