วันเดียวเที่ยวทั่วกัวลาลัมเปอร์

สัญลักษณ์ตึกแฝดระฟ้าในนครกัวลาลัมเปอร์ ตึกปิโตนัส
.
ถึงแม้ว่านี่จะเป็นครั้งแรกที่ฉันไปเที่ยวกัวลาลัมเปอร์แต่การเดินทางครั้งนี้ไม่ได้เตรียมหาข้อมูลเกี่ยวกับการท่องเที่ยวมากนักทั้งๆที่ธรรมดาแล้วต้องเตรียมหาข้อมูลให้พร้อมแต่มาคราวนี้กะว่าจะหาทัวร์ท้องถิ่นเอาข้างหน้า
แล้วก็อีกอย่างหนึ่งมันติดกับบ้านเราซะขนาดนี้ นึกซะว่าไปเที่ยวต่างจังหวัดก็แล้วกัน แต่ปรากฎว่าเมื่อลงจากเครื่องบินกะว่าจะเรียกแท็กซี่เอาแถวหน้าสนามบิน
คนที่คุมคิวแท็กซีให้ไปซื้อตั๋วซะก่อน
ฉันก็นึกว่าเป็นแท็กซี่เหมือนกันหมดดันไปซื้อตั๋วลิมูซีน(limousine)ซะนี่ ราคาแพงนิดหน่อยแต่ถ้าเฉลี่ยต่อหัวแล้วก็ยังถูกกว่ารถไฟเพราะฉันไปกันสามคนก็เรียกว่าคุ้มค่าในการใช้บริการแท็กซี่
เมื่อมาถึงโรงแรมที่พักท้องก็เริ่มหิวไปหาอะไรกินกันดีกว่า
ฮ่าๆๆ พอเจอร้านแรกก็เข้าเลยเป็นอาหารกึ่งๆยุโปแต่เน้นไปทางมาเลย์ซะมากกว่า
…ก็มันไม่คุ้นนี่นา จากนั้นก็เดินเที่ยวไปแต่ก็มองหาบริษัททัวร์ไป เพราะย่านที่พวกเราพักติดกับบูติกเบตัง
มีห้างสรรพสินค้าและของวางขายคลายๆย่านราชขประสงค์ของไทย
จนมาเจอบริษัทที่ขายตั๋วKL HOP ON HOP
OFF เที่ยวทั่วกัวลาลัมเปอร์ภายใน 24 หรือ 48ชั่วโมง เป็นรายการที่น่าสนใจ พวกเราจึงซื้อตั๋วสำหรับ 24 ชั่วโมงด้วยสนนราคา 38 ริงกิตต่อคน เพื่อท่องกัวลาลัมเปอร์ในวันพรุ่งนี้
เช้าวันใหม่ที่สดใสเหมาะสำหรับการเดินทางก็มาถึงพวกเราไปรอขึ้นรถป้ายที่ใกล้โรงแรมที่พัก
ในครั้งแรกพวกเราก็นั่งดูถนนหนทางตลอดจนสถานที่ที่สนใจแต่ยังไม่ลงแวะชมจนกระทั่งรถวนจนรอบกัวลาลัมปอร์
โดยที่เราหมายตาที่แรกเอินได้เอาไว้แล้วว่าจะลงไปหาอะไรกินซะหน่อยที่ไชน่าทาวน์
พอลงเดินก็กวาดสายตาหาร้านอาหารเลยทีเดียวแล้วก็มาเจอะร้านบะหมี่เป็ดนี่เองอาหารคุ้นๆ
กินได้อย่างสบายอารมณ์แถมพนักงานคนขายพูดได้ซะด้วย
ถามไถ่ได้ความว่าเป๋นคนมอญแถวสมุทรสาครนี่เอง ไปหากินที่นั่น
บรรยากาศการช็อปปิ้งในไชน่าทาวน์
หลังจากท้องอิ่มก็มีแรงเดินช็อปปิ้งแถวไชน่าทาวน์ต่อ
สินค้าที่นั่นก็ประมาณซอยละลายทรัพย์บ้านเรากะมัง แต่ราคาแพงกว่านะแต่คุณภาพก็โอเค
อยู่หรอก เดินกันจนเมื่อยแล้วก็ไปเที่ยวต่อดีกว่า ก็ขึ้นรถ HOP ON HOP OFF ต่อพอมีแรงแล้วก็ชื่นชมสถานที่ที่งดงามกันก่อน
Istana Negara (National Palace)พระราชวังแห่งนี้เมื่อก่อนที่พักอาศัย Chan Wing
พวกเราได้เพียงแต่ถ่ายรูปกันข้างหน้าพระราชวังเท่านนั้น พอเดินถ่ายรูปจนพอใจแล้วก็ต้องรอรถมา ถึงขึ้นรถเพื่อเที่ยวที่ต่อไป พอมาถึงที่สวนนก และสวนกล้วยไม้ ชื่นชมธรรมชาติร่มรื่นค่อยมีแรงขึ้นมาหน่อยหนึ่ง
จากนั้นก็เดินกลับเพื่อรอรถอีกครั้ง
แต่ครั้งนี้ถ้าพวกเราสังเกตุดีๆก็จะเห็นว่าตรงสวนนกก็มีป้ายรถเหมือนกันแต่ด้วยความที่พวกเราไม่ใส่ใจเลยทำให้เราต้องเดินกลับไปขึ้นที่เดิมที่ลงเล่นเอาเดินซะเหนื่อยเชียว
พอขึ้นรถที่คิดว่าจะเดินต่อสงสัยจะไม่ไหวแล้วสิคราวนี้เลยได้แต่นั่งชมเมืองต่อจนกว่าจะหายเหนื่อย
กว่าจะหายเหนื่อยก็เกือบครบอีกรอบแล้วสิ
แต่แน่นอนที่ขาดซะไม่ได้ก็ต้องเป็นตึกแฝดปิโตนัสยังไงๆก็ต้องลงไปชมซะให้ทั่วหน่อยเมื่อวมรอบนอกแล้วเข้าข้างในไปช็อปปิ้งอีกหน่อยแต่ของราคาค่อนข้างแพงสักหน่อยนะเพราะเป็นห้างหรูประมาณ The emporium บ้านเรา
หลังจากนั้นก็นั่งต่อจนถึงเป้าหมายปลายทางไชน่าทาวน์อีกครั้งที่เก่าแต่ไม่ใช่เวลาเดิมกะว่าจะหาอาหารเย็นกันที่นี่แหละ
พอเดินผ่านร้านบะหมี่เป็ดเจ้าเดิมเด็กร้านอาหารจำพวกเราได้รีบเรียกเราเลยว่า “กินข้าวๆ ” แต่ขอเปลี่ยนรสชาติกันซะหน่อยจะให้กินอะไรจำเจเหมือนเดิมล่ะ
พออิ่มท้องแล้วก็มีแรงเดินช็อปต่อทันที ช็อปเสร็จหมดเวลารถ HOP ON HOP OFF ซะแล้วก็ต้องเรียกแท็กซี่กลับโรงแรมระยะทางจากไชน่าทาวน์ถึงโรงแรมที่พักไม่ไกลมากแค่2 ป้ายเท่านั้น แท็กซี่เรียก 10 ริงกิต
ก็ OK นะ ที่นี่กฎหมายให้ใช้มิเตอร์แล้วแต่ยังมีการใช้วิธีต่อรองราคาอยู่…….เฮ้อ! วันนี้เหนื่อยแล้วเอาไว้พรุ่งนี้ค่อยลุยกันใหม่
เมื่อวานหมายตาที่น่าสนใจไว้หลายที่
แต่จะเริ่มต้นตรงไหนดี ….เออ…ก็ตรงที่ The Historical Centre Chinatown หรือไชน่าทาวน์
นี่แหละเมื่อวานชมแต่ตลาดวันนี้เที่ยวใกล้ๆ แถวนี้แล้วกัน พวกเราเรียกแท็กซี่ไปมาวัดเจ้าแม่กวนอิม
( Guan Yin Temple ) อยู่ใกล้ๆกับไชน่าทาวน์
ในราคาเดิมระหว่างทางโชเฟอร์คุยกับพวกเราว่าเค้าเคยมาเมืองไทยมาซื้อเสื้อผ้าที่แพทตินัมไปขายที่อิโดนีเซียแต่พอเศรฐกิจไม่ดีเลยกลับมาขับแท็กซี่เค้าบอกว่าเสื้อผ้าข้าวของวเมืองวไทยถูกกว่ามาเลเซียเยอะ
พอถึงไชน่าทาวน์ก็ส่งพวกเราที่นั่น โอ้! แม่เจ้า
วัดเจ้าแม่กวนอิมห่างจากที่เราลงตั้งไกลกว่าจะเดินไปถึงก็เล่นเอาเหงื่อตกเชียว
วัดเจ้าแม่กวนอิมนี้เป็นวัดที่สร้างอุทิศให้เจ้าแม่กวนอิม มีลักษณะของศิลปผสมผสานระหว่างจีนกับยุโรป จากนั้นก็เดินต่อไปที่วัด Chan See Shue
Yuen เป็นสถาปัตยกรรมแบบจีน
ส่วนฝั่งตรงข้ามเป็น Sri Mariamman Temple สร้างเมื่อปี1873 วัดฮินดูแห่งนี้มีการออกแบบด้วยการแกะสลักที่วิจิตรงดงาม
ร่มรื่น
ภาพภายในอาคารของวัดฮินดู
หลังจากชื่นชมวัดจีนวัดแขกแล้วก็หาทางไปย่านที่เรียกว่า The Historical Centre of Kuala Lumpur เป้าหมายแรกคือ Sultan Abdul Samad Building แต่ว่าจากตรงนี้ไปจะต้องไปอย่างไร
ก็อย่างว่าแหละสำหรับฉันแล้ว หนทางอยู่ที่ปาก
ก็เริ่มถามหญิงสูงวัยแถวนั้นดูว่าจะไปยังไง แล้วก็ช่างโชคดีคนที่นั่นใจดี
จริงๆที่เธอนึกไม่ออกว่าจะไปยังไงเธอก็ถามคนอื่นต่อให้อีก
เป็นหนุ่มสาวคู่สามีภรรยา และสามีภรรยาคู่นั้นไม่รู้ว่าจะบอกยังไงสามีบอกว่าจะพาไป
หญิงสูงวัยคนนั้นบอกว่าโชคดีและก็ต้องขอบคุณสามีภรรยาคู่นี้อย่างมาก
แล้วบอกให้พวกเราตามสามีภรรยาคู่นั้นไป ระหว่างที่สามีไปเอารถ
ฝ่ายภรรยาก็คุยกับเราเธอบอกว่าเธอไม่สามารถบอกได้ว่าขึ้นรถประจำทางไปยังไงเพราะไม่เคยขึ้นเพราะว่าขับรถเองฉันเข้าใจนะเพราะอยู่เมืองไทยฉันเองก็ไม่ค่อยได้ขึ้นรถประจำทางเหมือนกัน
สุภาพสตรีใจดีชาวมาเลเซียคนนี้เธอแนะนำตัวเองว่าชื่อโรซา เรียนจบการเงินและบัญชี
จาก Liverpool เธอรู้จักกับสามีที่นั่น ปัจจุบันเธอทำงานกับบริษัทประกันภัยส่วนสามีเป็นวิศวกรทำงานบริษัทผลิตรถยนต์ยี่ห้อโปรตรอนกับอีกยี่ห้อหนึ่งที่ไม่มีขายในไทย
คุยกันได้สักพักสามีเธอก็ขับรถมารับพอขึ้นรถเธอก็บอกว่าวันนี้ขอเป็นไกด์ชั่วคราว แล้วก็แนะนำสถานที่ต่างๆ
พอรถผ่านcentral market เธอถามว่าเราไปมาแล้วหรือยัง
ส่วนใหญ่เรานั่งรถผ่านมาแล้วแต่ไม่ได้ลงไปจนกระทั่งถึงเป้าหมายปลายทางของเราที่ Sultan Abdul Samad Building เธอส่งพวกเราลงนี่เป็นหนึ่งความประทับใจที่กัวลาลัมเปอร์
เพราะพวกเราได้เจอกับคนมาเลย์ที่ใจดีมีน้ำใจไม่เพียงบอกเส้นทางให้แต่เค้าและเธอได้ไปส่งพวกเราถึงที่หมายพร้อมอธิบายแนะนำอย่างที่เธอว่าแหละว่าเป็นไกด์ชั่วคราว
และหากว่าพวกเราไปกับทัวร์คงไม่ได้พบเจอความมีน้ำใจของเจ้าของประเทศเช่นนี้
ที่ Sultan Abdul Samad Building เป็นอาคารที่โดดเด่นสสวยงามสะดุดตาซึ่งสร้างเมื่อ 1894 – 1897 ใช้เป็นที่ทำการสหพันธ์มาเลเซีย
ในปี 1897 ต่อมาใช้ศาลสูงในปี1972 จนปัจจุบัน ใช้เป็น ministry of
information
ถัดมาเป็น Government
Office สร้างขึ้นเมื่อปี 1896 อยู่ถัดจาก Sultan Abdul Samad Building ส่วน Museum
tekstil Negara สร้างเมื่อปี1905 เป็นอาคารที่สร้างด้วยอิฐสีแดงฉาบปูนสีขาวสไตล์อิสลาม
Formerly
National Museum Department สร้างเมื่อปี 1919 ตึก 3 ชั้น
มีระเบียงยื่นออกมาเป็นสถาปัตยกรรมที่ผสมผสาน
ภาพที่สามารถมองอาคารเก่าๆที่สวยงามพวกนี้อยู่ใกล้กันมากลงจุดเดียดสามารถดูได้ทั่วเชียวและมาปิดท้ายกันที่ Masjid Jamek เป็นมัสยิดแห่งแรกในกัวลาลัมเปอร์
ถ้าผู้หญิงจะเข้าไปข้างในจะต้องคลุมผมเข้าไปบังเอิญที่พี่สาวมีผ้าพันคอติดไปด้วยฉันก็เลยได้อาศัยผ้าของพี่สาวคลุมเข้าไป
แต่ถ้าไม่มีก็ไม่เป็นไรเพราะเค้ามีให้(ยืมหรือเช่าก็ไม่รู้นะ)
Masjid Jamek
นี่ก็ใกล้เวลาเห็นทีจะต้องกลับโรงแรมเสียทีจะได้เตรียมเนื้อเตรียมตัวกลับเมืองไทยสักที ถึงแม้ว่าโปรแกรมท่องเที่ยวครั้งนี้จะเป็นเวลาสั้นๆ
แต่ก็ทำให้ฉันจดจำน้ำใจของสองสามีภรรยาชาวกัวลาลัมเปอร์ “โรซาและสามี”
gabile sohbet
Happy Rabbit Year 2011
To K. rwatcharakorn ka
:)))
– สบายดีค่ะพี่เลดี้ พอดีมีกิจกรรมใหม่ๆให้เล่นเลยเพลินไปหน่อยค่ะพี่
-ค่ะ คุณ Kanit ครั้งต่อไปจะติดต่อไป..ว่าแต่ว่าติดติดที่ไหนหว่า?
– จริงอย่าง คุณprasarn ว่าแหระค่ะเมืองไทยน่าอยู่กว่าเยอะแต่แค่เที่ยวก็ไม่เลวนะคะ
– คุณมดตะนอย ลองไปเที่ยวดูซิคะไปเองสบายๆ
ไม่ได้เจอคุณทนายสาวเสียนาน สบายดีนะคะ อ้อ.. ต้องสบายซี เพราะไปเที่ยวมานี่ ขอเป็นชาวเกาะ เกาะตัวหนังสือ และภาพไปเที่ยวค่ะ ฮ่า ๆๆๆ
น่าอิจฉาจัง ผมอยู่มาเลเซียยังไม่เคยได้เที่ยวอย่างนี้เลย มาคราวหลังติดต่อ มาบ้างนะ
เมืองไทยน่าอยู่กว่าเยอะ
อ่านแล้วอยากไปเที่ยวบ้าง ใกล้ดีด้วย