อย่าปล่อยสัตว์เข้าสภา
ภาพคัตเอาต์ “Vote No อย่าปล่อยสัตว์เข้าสภา” ของพันธมิตรทำให้คิดถึงนิยายเรื่องหนึ่งที่เคย (ถูกบังคับให้) อ่านสมัยเรียนหนังสือในระดับมัธยมศึกษา…
เด็ก ๆ รุ่นใหม่เคยอ่าน (หรือถูกบังคับให้อ่าน) Animal Farm กันบ้างหรือไม่ผมไม่ทราบ…สำหรับท่านที่ไม่เคยอ่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดา “คอการเมือง” ทั้งหลายผมอยากแนะนำว่า น่าจะลองไปหามาอ่านดู…รับรองได้ว่าจะประทับใจไม่รู้ลืมแน่นอน
.
ภาพคัตเอาต์ “Vote No อย่าปล่อยสัตว์เข้าสภา” ของพันธมิตรทำให้คิดถึงนิยายเรื่องหนึ่งที่เคย (ถูกบังคับให้) อ่านสมัยเรียนหนังสือในระดับมัธยมศึกษา…
…วันหนึ่งอาจารย์สอนภาษาอังกฤษเอาหนังสือขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่เล่มหนึ่งมาโยนโครมลงตรงหน้าและกำชับว่าต้องอ่านให้จบภายใน 1 สัปดาห์…
หนังสือเล่มนั้นชื่อ Animal Farm เขียนโดยผู้ใช้นามปากกาว่า George Orwell
Animal Farm เป็นนิยายสั้น ๆ แนวเสียดสีสังคมและการเมืองร่วมสมัย อ่านสนุก ได้อรรถรส ช่วยให้เข้าใจธรรมชาติของกิเลสมนุษย์ โดยเฉพาะนักการเมืองได้อย่างถึงกึ๋น ทั้งยังช่วยจุดประกายความคิดความอ่านด้านสังคมและการเมืองได้อย่างน่าทึ่งจริง ๆ
เด็ก ๆ รุ่นใหม่เคยอ่าน (หรือถูกบังคับให้อ่าน) Animal Farm กันบ้างหรือไม่ผมไม่ทราบ…สำหรับท่านที่ไม่เคยอ่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดา “คอการเมือง” ทั้งหลายผมอยากแนะนำว่า น่าจะลองไปหามาอ่านดู…รับรองได้ว่าจะประทับใจไม่รู้ลืมแน่นอน
George Orwell นั้นเป็นนามปากกาของ นักข่าวและนักเขียนชื่อดังคนหนึ่งของอังกฤษในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 ก่อนยุคสงครามเย็น ชื่อจริงของเขาคือ Eric Arthur Blair (เป็นต้นตระกูลหรือเกี่ยวดองอะไรกับอดีตนายกรัฐมนตรี Tony Blair ของอังกฤษหรือไม่นั้นผมไม่ทราบจริง ๆ)
***********
เรื่องย่อ ๆ มีอยู่ว่า……ฝูงสัตว์ในฟาร์มแห่งหนึ่งได้รวมตัวกันก่อกบฏ (หรือจะเรียกว่าปฏิวัติก็ได้) ยึดอำนาจจากเจ้าของฟาร์ม ด้วยความไม่พอใจที่รู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากเจ้าของฟาร์มที่เป็นมนุษย์ จากนั้นก็จัดตั้งระบอบการปกครองของตนเองขึ้นมาภายใต้ธรรมนูญการปกครองที่เรียกว่า “บัญญัติ 7 ประการแห่งลัทธิเดรัจฉานนิยม (Animalism)”…
การปฏิวัติประสบความสำเร็จด้วยการนำของฝูงหมูในฟาร์มที่ได้ชื่อว่าเป็นกลุ่มผู้มีสติปัญญาเป็นเลิศ แกนนำที่เป็นหมูจึงได้รับเลือกให้เป็นคณะผู้ปกครองฟาร์มแทนเจ้าของเดิมที่เป็นมนุษย์ ซึ่งในระยะแรก ๆ ก็ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะดำเนินไปด้วยความราบรื่น
สัตว์ทุกตัว ทุกสายพันธุ์ในฟาร์มต่างใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ช่วยกันทำมาหากิน แบ่งปันอาหารกันอย่างเท่าเทียมตามบทบัญญัติข้อสำคัญที่ระบุว่า “บรรดาสัตว์ทั้งหลายล้วนเสมอภาคกัน”
อย่างไรก็ตาม นานวันเข้าความไม่ลงรอยกันในฝูงหมูที่เป็นชนชั้นปกครองก็เริ่มก่อตัวขึ้น แกนนำหมูที่มีอุปนิสัยหลงอำนาจ เริ่มออกลายแสดงพฤติกรรมเอารัดเอาเปรียบสัตว์อื่นที่อยู่ใต้การปกครอง
แต่พฤติกรรมเหล่านั้นก็ถูกปกปิดไว้อย่างมิดชิด ด้วยฝีมือของหมูตัวหนึ่งที่มีวาทศิลป์เป็นเลิศคอยปล่อยข่าวเป่าหูบรรดาสัตว์ใต้ปกครองอยู่เป็นนิจว่า…บรรดาหมูที่เป็นชนชั้นปกครองนั้นล้วนแต่เป็นผู้ทรงไว้ซึ่งคุณธรรมและจริยธรรมอันสูงส่ง มีสติปัญญาเป็นเลิศสามารถพัฒนาฟาร์มให้เจริญก้าวหน้าขึ้นอย่างต่อเนื่อง
หมูที่มีสติปัญญาเป็นเลิศและทุ่มเทชีวิตให้กับการพัฒนาฟาร์มนั้นมีอยู่จริง แต่ในที่สุดก็ถูกอับเปหิออกไปจากฟาร์มด้วยกลอุบายอันแยบยลของแกนนำหมูผู้คลั่งอำนาจ เนื่องจากหมูนักพัฒนานั้นถูกมองว่าจะเป็นภัยคุกคามต่อการครองอำนาจของแกนนำหมูผู้กระหายอำนาจนั่นเอง
หลังจากหมูนักพัฒนาถูกขับออกไปพ้นทาง แก๊งหมูผู้ปกครองก็เถลิงอำนาจกันอย่างครึกครื้น พากันย้ายออกจากคอกหมูที่เคยอยู่แต่เดิม ไปเสวยสุขอยู่ในบ้านพักของมนุษย์ซึ่งเป็นเจ้าของฟาร์มในอดีต ทั้งยังเปลี่ยนแปลงแก้ไข “บัญญัติ 7 ประการ” ให้เป็นไปตามความต้องการของแก๊งหมูผู้ปกครองอีกต่างหาก
…เบื้องต้น ข้อบัญญัติข้อหนึ่งที่ระบุว่า “สรรพสัตว์ในฟาร์มพึงงดเว้นจากการดื่มสุรายาเมาโดยเด็ดขาด” ถูกเปลี่ยนเป็น “สัตว์ในฟาร์มสามารถดื่มสุรายาเมาได้แต่พอประมาณ”…เพื่อให้บรรดาหมูผู้ปกครองสามารถเสวยสุขกันได้อย่างเต็มคราบ โดยไม่ต้องกังวลต่อคำติฉินนินทาว่าละเมิดต่อ “บัญญัติ 7 ประการแห่งลัทธิเดรัจฉานนิยม” นั่นเอง
…และท้ายที่สุด ข้อบัญญัติข้อสำคัญที่สุดที่ระบุว่า “บรรดาสัตว์ทั้งหลายล้วนเสมอภาคกัน” ก็ถูกเปลี่ยนแปลงเป็น “บรรดาสัตว์ทั้งหลายล้วนเสมอภาคกัน แต่สัตว์บางกลุ่มอาจมีความเสมอภาคสูงกว่ากลุ่มอื่น”….
…ถึงตอนนี้บรรดาสัตว์ในฟาร์มต่างก็เริ่มรู้สึกว่า ชีวิตในฟาร์มนับวันจะทุกข์ยากมากขึ้นเป็นลำดับ สัตว์ส่วนใหญ่ต้องอดอยากปากแห้ง ผ่ายผอม เพราะได้ส่วนแบ่งอาหารน้อยลง ขณะที่บรรดาหมูผู้ปกครองอ้วนท้วน สมบูรณ์พูนสุขอยู่ในบ้านพักของมนุษย์
พฤติกรรมของบรรดาหมูผู้ปกครองก็เปลี่ยนไป จากที่เคยเดินสี่ขา เปลี่ยนมาเป็นเดิน 2 ขา เลียนแบบพฤติกรรมมนุษย์ทุกอย่างจนแทบจะแยกไม่ออกว่าเป็นหมูหรือเป็นมนุษย์กันแน่
ที่สำคัญคือ มีความเป็น “ทรราช” ไม่แตกต่างไปจากอดีตเจ้าของฟาร์มที่เป็นมนุษย์แต่อย่างใด
*************
นิยายเรื่องนี้ตีพิมพ์ในอังกฤษตั้งแต่ปีคริสต์ศักราช 1945 หรือ 66 ปีมาแล้ว แต่เนื้อหาสาระยังทันสมัยอย่างเหลือเชื่อ
ตอกย้ำให้เห็นได้ชัดเจนว่า…พฤติกรรมมนุษย์ไม่เคยเปลี่ยน ?!!!
*************
*** ป.ล.ใครสนใจอ่าน Animal Farm ภาคภาษาไทยลงคะแนนโหวตกันมาได้เลยครับ…จะค่อย ๆ ทยอยแปลมาให้อ่านกัน…****
น่าสนใจมากค่ะ
ตัวกลาง มาร์ค ม.7 ครับ
ตัวที่ 4 จากซ้าย เทพเทือกครับ
เรียนคุณสนธิ
ไอ้เว็บมาสเตอร์ของคุณมันต้องเป็นพวก ปชป แน่ ๆ เนื่องจากการสังเกตหลายเดือนที่ผ่านมา เมื่อมีหัวข้อข่าวเกี่ยวกับ ปชป หรือนายอภิสิทธิ์ มัน(หรือพวกมัน)จะปล่อยความเห็นของคนเชลีย หรือคนที่ชมชอบนายนั่นออกมาก่อน และให้พวกมัน(แก็งค์รับจ้างแก็งค์ไอติม)พากันมากด + จนขึ้นจอเหลือง หลังจากนั้นสักพัก(ใหญ่ ๆ ) มันจึงค่อยปล่อยความเห็นด่า ปชป หรือนายนั่น พอคนเห็นก็ช่วยกันกด + แต่ไม่ทันแล้ว จอเหลืองแช่ไว้สักพักแล้ว และหลังจากนั้นไม่เกิน 5 นาที มัน(และพวกมัน)ก็เอาข่าวอื่นมาเลื่อนแทนทำให้ไม่เห็นข่าวนั้นอีกแล้ว ขอเรียนคุณสนธิช่วยไล่ออกด้วย
รูป 5 แกนนำพธม.ใครเป็นตัวอะไร ใครตอบถูกรับรางวัลที่นายใหญ่
มีเป็นหนังด้วย
http://www.youtube.com/watch?v=ksnwIUyspps
เคยอ่าน แตาอยากอ่านอีกๅ..
เรียนคุณสนธิ
ไอ้เว็บมาสเตอร์ของคุณมันต้องเป็นพวก ปชป แน่ ๆ เนื่องจากการสังเกตหลายเดือนที่ผ่านมา เมื่อมีหัวข้อข่าวเกี่ยวกับ ปชป หรือนายอภิสิทธิ์ มัน(หรือพวกมัน)จะปล่อยความเห็นของคนเชลีย หรือคนที่ชมชอบนายนั่นออกมาก่อน และให้พวกมัน(แก็งค์รับจ้างแก็งค์ไอติม)พากันมากด + จนขึ้นจอเหลือง หลังจากนั้นสักพัก(ใหญ่ ๆ ) มันจึงค่อยปล่อยความเห็นด่า ปชป หรือนายนั่น พอคนเห็นก็ช่วยกันกด + แต่ไม่ทันแล้ว จอเหลืองแช่ไว้สักพักแล้ว และหลังจากนั้นไม่เกิน 5 นาที มัน(และพวกมัน)ก็เอาข่าวอื่นมาเลื่อนแทนทำให้ไม่เห็นข่าวนั้นอีกแล้ว ขอเรียนคุณสนธิช่วยไล่ออกด้วย
ผมเคยดูละครเวทีเรื่องนี้ครับ…
อักษรจุฬาฯเป็นคนทำ….
ดูไปแล้วก็อดคิดไม่ได้เลยว่า…
แม้จริงแล้ว….
“มนุษย์”ก็ไม่ต่างไปจาก”หมู”เท่าไหร่เลย……
สนใจค่ะ
น่าสนใจค่ะ