“นิวยอร์ก” ไปคนเดียวก็เที่ยวได้…(8)
ในตอนสุดท้ายของการเดินทางลัดเลาะท่องเที่ยวของผมจะพาคุณเดินทางต่อขึ้นไปยังทางเหนือของมหานครนิวยอร์ก โดยจุดหมายหลักของเป้าหมายผมจะอยู่ที่น้ำตกที่ได้ขึ้นชื่อว่าใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ซึ่งอยู่ระหว่างชายแดนของประเทศสหรัฐอเมริกากับประเทศแคนาดา
ในส่วนของพรมแดนของประเทศสหรัฐอเมริกาจะอยู่ที่เมืองบัฟฟาโล เมืองชายฝั่งตะวันออกของรัฐนิวยอร์ก ขณะที่อีกฝากหนึ่งในพรมแดนของประเทศแคนาดา จะอยู่ในพื้นที่ของเมืองออนตาริโอ และน้ำตกที่ว่านั้นก็คือ น้ำตกไนแองการานั้นเองครับ
จากข้อมูลจะพบว่า น้ำตกไนแองการา เกิดขึ้นจากน้ำตกน้ำตกที่ชื่อว่า Horseshoe Falls และ American Falls ซึ่งเป็นน้ำตกขนาดใหญ่และยังมีน้ำตกขนาดเล็กอีก 1 สาย คือ Bridal Veil Falls มาไหลรวมกันทำให้เกิดน้ำตกขนาดใหญ่ที่นักท่องเที่ยวสามารถมองความยิ่งใหญ่ได้จากทั้ง 2 ฝั่ง
ถ้าหลับตาตามภาพของน้ำตกไนแองการา พื้นที่ส่วนใหญ่จะอยู่ในบริเวณของฝั่งอเมริกา โดยหากมองจากมุมสูงจะมีรูปร่างคล้ายเกือกม้า ซึ่งหากจะมองความยิ่งใหญ่ของน้ำตกแห่งนี้แบบมุมกว้างหลายคนจึงมักจะแนะนำให้นักท่องเที่ยวข้ามไปมองจากฝั่งแคนาดาซึ่งนั้นแปลว่าจะต้องมีวีซ่าแคนาดาด้วย เพราะวีซ่าของสหรัฐอเมริกาไม่สามารถข้ามไปยังฝั่งแคนาดาได้
สำหรับการเดินทางจากมหานครนิวยอร์กเพื่อมายังน้ำตกไนแองการาสามารถเดินทางมาได้ด้วยกันหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นขับรถมาเองซึ่งน่าจะใช้เวลาประมาณ 6-8 ชั่วโมง หรือจะเป็นรถบัส รถไฟ หรือแม้กระทั่งเครื่องบินเพื่อมาลงยังเมืองบัฟฟาโล่แล้วนั่งรถต่อไปยังบริเวณน้ำตก
สำหรับผม ผมเลือกจะใช้บริการบริษัททัวร์ท้องถิ่นจากนิวยอร์กแบบประเภท 2 วัน 1 คืน ซึ่งจริงๆ แล้วราคาก็ถือว่าไม่แพงมาก แต่อาจจะต้องนั่งรถนานซักหน่อย เพราะนอกเหนือจากการเดินทางไปยังน้ำตกไนแองการาแล้วมักจะมีโปรแกรมควบระหว่างทาง และจะเป็นจุดค้างคืนในโปรแกรมด้วย โดยผมเลือกที่จะควบโปรแกรมการเดินทางไปชมอีก 1 สถานที่ นั้นคือ Thousand Islands หรือ พันเกาะ ซึ่งคล้ายทะเลสาบขนาดใหญ่ที่มีจำนวนเกาะน้อยใหญ่ทั่วบริเวณจำนวนเป็นพันเกาะนั้นเอง
ใช้เวลาประมาณ 6-7 ชั่วโมงจากแมนฮัตตันเพื่อมาถึงยังบริเวณท่าเทียบเรือ ซึ่งจะมีเรือจำนวนมากคอยรับนักท่องเที่ยวเพื่อเดินทางล่องในแม่น้ำ หรือทะเลสาบที่ไหลต่อเนื่องมาจากน้ำตกไนแองการาและยังเป็นพรมแดนของประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศแคนาดาอีกด้วย
เรือท่องเที่ยวขนาดเล็กบ้าง ใหญ่บ้างตามจำนวนนักท่องเที่ยวแต่ละกรุ๊ปต่างทยอยออกจากท่าเรือ โดยจะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงกับการนั่งชมบรรยากาศโดยรอบ สำหรับผมผมค่อนข้างชอบที่นี่ครับ เพราะเราจะได้เห็นวิถีการใช้ชีวิตของผู้คนอีกรูปแบบหนึ่ง บ้านจำนวนไม่น้อยที่อยู่บนเกาะขนาดเล็กบ้างใหญ่บ้าง หลายหลังอาจจะเป็นแค่บ้านขนาดเล็กบนพื้นที่ที่สามารถสร้างได้เพียงบ้านเท่านั้น แต่อีกหลายหลังที่ใหญ่โตเป็นคฤหาสน์หลังโตทีเดียวครับ
ผมถามกับเจ้าหน้าที่ประจำเรือที่เป็นคนให้ข้อมูลเกี่ยวกับพื้นที่บริเวณนั้น ได้คำตอบหลายอย่างที่หลายๆ คนอาจจะสนใจ จำนวนเกาะทั้งหมดในบริเวณนั้นตามข้อมูลคือ 1,864 เกาะ บ้านที่ดูเหมือนจะราคาถูกที่สุดในบริเวณนั้นอยู่ที่ราคาประมาณ 6 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ ในขณะที่บ้านพร้อมเกาะส่วนตัวที่ราคาแพงที่เคยมีการตั้งราคาขายซึ่งไม่แน่ใจว่าขายได้หรือยังอยู่ที่ประมาณ 400 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ เท่านั้นเองครับ เผื่อใครสนใจลองติดต่อสอบถามกันได้อีกทีครับ
ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงเศษผมออกเดินทางต่อเพื่อไปยังที่พักบริเวณไม่ห่างจากน้ำตกไนแองการามากนัก โดยส่วนใหญ่ของการเดินทางกับบริษัททัวร์แบบนี้ ข้อดีก็อยู่ตรงนี้ครับตรงที่ที่พักแม้ว่าจะอยู่นอกเมือง ด้วยเหตุที่ราคาถือว่าค่อนข้างถูกแต่ก็จะค่อนข้างดี ห้องใหญ่ สะอาดตามมาตรฐานที่ดีครับ อาหารการกินก็ถือว่าดีครับ นี่อาจจะตัวเลือกที่ดีสำหรับคนที่เดินทางเอง และไม่อยากขับรถครับ
เช้าของอีกวันกับการเดินทางต่อไปอีกประมาณ 45 นาทีจากที่พักผมเดินทางมาถึงยังน้ำตกไนแองการา น้ำตกขนาดใหญ่ที่ธรรมชาติสร้างสรรค์ขึ้น หากเราเคยเห็นภาพน้ำตกมาบ้างแล้วคงต้องบอกครับว่าสิ่งที่คุณจะได้เห็นนั้นดูจะยิ่งใหญ่กว่าในรูปแน่นอน
กิจกรรมหลักๆ ของการเดินทางมาชมน้ำตกไนแองการาจะมีอยู่ 4-5 อย่างแล้วแต่นักท่องเที่ยวจะเลือกตามเวลาและความชื่นชอบส่วนตัว ไฮไลท์ที่สุดของการเดินทางมาชมน้ำตกไนแองการา น่าจะเป็นการล่องเรือเพื่อไปชมน้ำตกบริเวณด้านล่างซึ่งทุกคนจะได้สัมผัสถึงพลังของน้ำตกแห่งนี้ได้อย่างชัดเจน
ผมเริ่มต้นกับน้ำตกไนแองการากับการเข้าไปชมเรื่องเล่า ประวัติโดยย่อของน้ำตกแห่งนี้ใน Niagara Adventure Theatre ซึ่งใช้เวลาประมาณ 30 นาทีต่อรอบ ก็ถือว่าเป็นการรับรู้ข้อมูลแบบย่อด้วยความรวดเร็วที่น่าสนใจมากครับ
หลังจากนั้น นักท่องเที่ยวเกือบทุกคนที่เดินทางมายังที่นี่ จะมุ่งหน้าเดินต่อไปยังด้านหลังบริเวณน้ำตกเพื่อลงลิฟต์ต่อไปยังกิจกรรมที่เป็นไฮไลท์ นั้นคือ Maid of the Mist โดยหลังจากต่อแถวเพื่อลงลิฟต์ไปด้านล่างเราจะเห็นเรือขนาดใหญ่ที่จะนำนักท่องเที่ยวเข้าไปชมน้ำตกไนแองการาแบบใกล้ชิด
โดยก่อนจะลงเรือนักท่องเที่ยวจะได้รับแจกเสื้อกันฝนพลาสติกสีชมพูกันทุกคน เพื่อป้องกันละอองน้ำแต่นั้นก็คงช่วยอะไรไม่ได้มากครับ เพราะทุกคนที่ลงเรือส่วนใหญ่ก็จะเปียกกันทั้งนั้น ใครที่จะไปถ่ายภาพอาจจะต้องเตรียมอุปกรณ์สำหรับกันน้ำให้ดีครับ เพราะพลังของน้ำที่กระเด็นไปทั่วบริเวณที่เรือเข้าไปใกล้น้ำตกทำให้ทุกคนชุ่มช่ำอย่างแน่นอนครับ
ใช้เวลาไม่นานมากกับการล่องเพื่อชมน้ำตกไนแองการาแบบใกล้ชิดเรือก็จะนำคุณกลับมาส่งยังที่เดิม แต่นั้นยังไม่จบครับ หากคุณยังอยากจะไปสัมผัสกับน้ำตกไนแองการาแบบใกล้ชิดกว่านั้น อีกหนึ่งโปรแกรมที่อาจจะตอบโจทย์คุณได้นั้นคือ Cave of the winds trip ที่จะเป็นเส้นทางเดินลัดเลาะไปตามน้ำตกแบบใกล้ชิดมาก แต่หลายคนแนะนำว่าโปรแกรมคล้ายกันแบบนี้แต่ดูจะถึงใจกว่าในฝากของแคนาดานั้นคือ Journey behind the wall ซึ่งหากมีโอกาสก็แนะนำให้ไปลองกิจกรรมนี้ดูครับ คงจะได้อรรถรสอย่างที่ต้องการเลยทีเดียวครับ
ทั้ง 8 ตอนของ “นิวยอร์ก” ไปคนเดียวก็เที่ยวได้…. น่าจะพอที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับใครหลายๆ คนที่อยากจะออกเดินทางไปตามความฝันของตัวเอง การเดินทางไม่ว่าจะไปแบบกลุ่ม แบบคณะ แบบครอบครับ หรืออาจจะเป็นแบบคนเดียว ต่างก็เพิ่มประสบการณ์ในการเดินทางให้กับนักเดินทางได้ทุกครั้ง
ประโยคที่ว่า จุดหมายของการเดินทางอาจจะไม่สำคัญเท่าประสบการณ์หรือเรื่องราวระหว่างทาง คงจะเป็นเรื่องจริงของนักเดินทาง เพราะเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นทั้งในแบบที่ตั้งใจ และในแบบที่ไม่ตั้งใจ จะสอน จะช่วยเพิ่มเติม หรือจะช่วยให้เราแก้ไขกับปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นได้อย่างมีสติ
“นิวยอร์ก” ไปคนเดียวก็เที่ยวได้…. สำหรับผมเป็นเพียงหนึ่งในการเดินทางบนเส้นทางและความฝันของผม อีกหลายๆ จุดหมายปลายทางผมโลกนี้ยังเป็นอีกหลายเส้นทางที่ผมจะออกเดินทางเพื่อไปให้เห็นกับตา ถ้าวันนี้คุณคิดว่าจะออกเดินทางซักครั้ง ผมอยากจะแนะนำเพียงแค่ว่า ลองออกไปเดินทางครับ เดินทางในช่วงที่แรง พลังยังเต็มเปี่ยมที่จะเดินทาง เดินทางในช่วงเวลาที่ยังเชื่อว่าจะแก้ไขและพร้อมจะเจอกับปัญหาเจอเรื่องราวต่างๆ มากมายในชีวิต
ชีวิตเป็นของเรา ถ้ามีโอกาสออกไปใช้ครับ และพบกันกับตอนต่อๆไปของการเดินทางออกไปมองโลกในมุมมองของผมครับ ขอบคุณสำหรับการติดตามมาตลอดครับ…..
This entry was posted on Wednesday, January 18th, 2017 at 12:25 pm and is filed under Travel. You can follow any responses to this entry through the RSS 2.0 feed. Responses are currently closed, but you can trackback from your own site.
Comments are closed.