ความทรงจำดีๆ เกิดขึ้นเสมอที่นี่ “ไต้หวัน” (ตอนที่ 2)
เช้าวันรุ่งขึ้นผมมีนัดที่จะไปน้ำพุร้อนที่ขึ้นชื่อที่สุดแห่งหนึ่งของไต้หวัน อยู่ไม่ห่างจากตัวไทเปมากนัก โดยนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาโดยรถไฟ หรือจะเดินทางมาโดยรถยนต์ส่วนตัวแบบผมก็ได้ โดยใช้เวลาประมาณ 40 นาทีทางรถยนต์
ผมค่อนข้างชอบบรรยากาศการออกแบบเมืองของ “เป่ยโถว” อาจจะเป็นเพราะการเข้ามาช่วยดูแล ช่วยออกแบบ ร่วมถึงช่วยจัดการจากรัฐบาลญี่ปุ่น ทำให้ผังเมืองของเป่ยโถวจะว่าไปก็มีความเหมือนเมืองในชนบทของญี่ปุ่นมากเลยทีเดียวครับ
ลำธารขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ไหลผ่านกลางแยกระหว่าง 2 ฟากถนนออกอย่างชัดเจน เสียงน้ำไหลที่สำหรับผมสร้างบรรยากาศที่ดีเลยครับ ผมเดินเลาะขึ้นไปตามทางไปด้านบนที่ลาดเอียงสูงขึ้น อาคารไม้หลังใหญ่ที่ซ่อนตัวอยู่กลางระหว่าง 2 ฟาก คล้ายกับอยู่กลางน้ำดึงดูดผมให้เข้าไปดู
ห้องสมุดที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งเท่าที่ผมเคยไปมา อาคารไม้ตกแต่งอย่างลงตัวสร้างหลบอยู่ในต้นไม้ใหญ่ บรรยากาศที่เหมาะมากกับการอ่านหนังสือ และการจัดการ รวมถึงออกแบบด้านในสำหรับผมนี่น่าจะเป็นห้องสมุดที่ทำให้ผมอยากมานั่งอ่านหนังสือทั้งวัน
ใช้เวลาอยู่ที่ห้องสมุดนั้นอยู่พักใหญ่ ก่อนที่ผมจะเดินต่อขึ้นไปด้านบนที่เป็นบ่อน้ำพุร้อนขนาดใหญ่ เป็นอีก 1 สัญลักษณ์ที่นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาที่นี่จะขึ้นไปชม
“Beitou Thermal Valley” บ่อน้ำพุร้อนที่เปิดให้เข้าชม ด้านในถูกจัดตกแต่งอย่างสวยงาม ทางเดินเลาะด้านข้างโครงสร้างเป็นไม้ลัดเลาะไปตามบ่อที่ความร้อนลอยขึ้นมาเป็นไอได้อย่างชัดเจน คุณจะรู้สึกได้ถึงความร้อนที่พวยพุ่งขึ้นมาจากผิวน้ำ กลิ่นแร่ไม่เข้มมากนักสัมผัสได้อย่างชัดเจน
นักท่องเที่ยวไม่มากในวันที่ผมไป เพราะเป็นวันธรรมดาส่วนใหญ่จะเป็นคนญี่ปุ่นที่แวะเข้ามาถ่ายรูปในบริวเณนี้ ผมใช้เวลาไม่นานนักก่อนที่จะเดินออกไปด้านนอกเพราะช่วงนั้นเป็นช่วงเที่ยงวันพอดี ร้านก๋วยเตี๋ยวราเมงด้านล่างคือเป้าหมายของผมสำหรับมื้อกลางวัน
แถวยาวเยียดออกมาด้านหน้าร้านทำให้ผมอดใจไม่ได้ที่จะต้องขอลองซักครั้ง ผมได้รับคิวที่ต้องรออีกกว่า 20 คิวเพราะเป็นช่วงเวลาอาหารกลางวันพอดี หลังจากรอเข้าแถวเกือบ 1 ชั่วโมง เสียงประกาศเรียกเลขบัตรคิวของผม
ราเมงหลายรสชาติ หลายแบบมีให้เลือก มีเกมสนุกๆ ในร้านนี้สำหรับลูกค้าทุกโต๊ะ โดยลูกค้าสามารถมาเล่นเกมคล้ายๆ กับการขว้างของออกไปอีกด้านหนึ่งตามรางที่เป็นเชือก หากสามารถขว้างไปอีกด้านแล้วเกินเสียงกระติ่งดังขึ้นได้ สามารถสั่งเกี๊ยวซ่าได้ในราคาลด 50% มีลูกค้าหลายโต๊ะต่อแถวรอเล่นเกมนี้
ผมใช้เวลาไม่นานกับการจัดการราเมงชามน้ำ เพราะต้องบอกเลยครับว่ารสชาติเยี่ยมเลย หากคุณได้ไปเที่ยวที่เป่ยโถว ผมแนะนำว่าร้านนี้จะอยู่ทางด้านซ้ายมือของทางขึ้น หากเดินออกมาจากสถานีรถไฟก็ให้เดินข้ามถนนมาอีกฟากร้านจะมีคนต่อแถวเห็นได้ไม่ยากอย่างแน่นอน
หลังจากจัดการกับราเมงชามโตเป็นที่เรียบร้อย เพื่อนชาวไต้หวันของผมขับรถพาผมไปอีกฟากหนึ่งของบริเวณเป่ยโถว ซึ่งบริเวณดังกล่าวยังมีบ่อน้ำร้อนอีกเป็นจำนวนมาก เพื่อนผมเลือกพาไปบ่อน้ำร้อนสาธารณะแห่งหนึ่ง
ก้าวแรกที่ผมเดินทางไปถึงต้องบอกเลยครับว่าบรรยากาศไม่ต่างจากที่ผมเคยไปใช้บริการที่ประเทศญี่ปุ่นเลยครับ มีการถอดแบบรูปแบบต่างๆมาชนิดที่ว่าหากมองแต่ด้านในคงคิดได้เลยครับว่าผมอยู่ประเทศญี่ปุ่น ผมว่าหากคุณมีโอกาสไปแถวนั้น คุณน่าจะลองหาโอกาสซักครั้งไปลองใช้บริการบ่อน้ำร้อนซักที่ในบริเวณเป่ยโถวก็น่าจะเป็นเรื่องที่ดี
ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงกับการแช่ในบ่อน้ำร้อน ผมเลือกที่จะแวะไปนั่งกินชา บนวิวภูเขาจากร้านกาแฟด้านบน บรรยากาศแม้อาจจะไม่ต่างอะไรมากนักกับบรรยากาศร้านกาแฟในภาคเหนือของเรา แต่อากาศในช่วงที่ผมไปต้องบอกเลยครับว่าลงตัวมากๆสำหรับการมานั่งดื่มชาร้อนๆแบบนี้
ในช่วงค่ำของวันนั้น เราตัดสินใจกันที่จะไปตลาดกลางคืน ซึ่งคล้ายกับตลาดโต้รุ่งในบ้านเราเลยครับ มีอาหารมากมายหลายชนิดให้เลือกกินตลอดเส้นทาง สำหรับผมเยี่ยมเลยครับกับรสชาติอาหารไต้หวัน ผมลองหลายอย่างที่บ้างก็ดูเหมือนอาหารไทย และหลายอย่างก็หน้าตาแปลกใหม่สำหรับผมมากทีเดียว
หลังจากเดินจนทั่วตลาด เพื่อนชาวไต้หวันของผมตัดสินใจเลือกร้านอาหารตามสิ่งที่ผมชอบอีกครั้งสำหรับค่ำคืนนี้ ผมชอบที่จะมองที่ต่างๆจากมุมสูงๆ เพื่อนจึงเลือกร้านอาการชื่อ The Top ซึ่งเป็นร้านอาหารที่อยู่ด้านบนเขาอีกฟากหนึ่งของบริเวณเป่ยโถว
มุมที่คุณจะได้เห็นเป็นภาพมุมสูงของเมืองไทเปทั้งเมืองจากอีกด้านหนึ่งของภูเขา ครั้งหนึ่งผมเคยได้มองไทเปจากมุมสูงโดยการปีนขึ้นภูเขารูปช้าง หรือ (Elephant Mountain) ที่ต้องออกแรงเดินขึ้นไปบนยอดประมาณ 25 นาที แต่ครั้งนี้เราสามารถขับรถมาถึงที่ด้านบนได้โดยไม่ต้องออกแรงเหนื่อยเลย
ผมชอบนะกับการได้มองอะไรจากมุมสูงๆ การได้เห็นอะไรในมุมมองที่ต่างออกไป ช่วงที่ผมไปถึงเป็นช่วงประมาณ 3 ทุ่ม ซึ่งตึก อาคารต่างๆ ก็เปิดไฟกันสว่างไปทั่วบริเวณ ที่เห็นได้อย่างชัดก็คงหนีไม่พ้นตึก Taipei 101 ตึกที่สูงที่สุดในเมืองไทเปนั้นเอง
ผมใช้เวลากับการนั่งมอง นั่งคุย นั่งกินอะไรอยู่ประมาณ 2 ชั่วโมงก็น่าจะได้ ลมที่พัดแรงบวกกับอากาศที่ค่อนข้างหนาว สลับการมีฝนตกลงมาปรอยๆแม้ว่าจะเป็นอุปสรรคอยู่บ้าง แต่เราก็สามารถอยู่ที่นั่นได้กว่า 2 ชั่วโมงก่อนที่จะกลับเข้าเมือง เพราะพรุ่งนี้ผมมีโปรแกรมที่จะต้องออกเดินทางไปอีกเมืองหนึ่งของไต้หวัน
Tags: Beitou, Longshansi, mblog, night market, pdhirapat, taipei, Taipei101, taiwan, ตลาดกลางคืน, ตึกไทเป101, ท่องเที่ยวไต้หวัน, วัดหลงซาน, เกาะไต้หวัน, เป่ยโถว, ไต้หวัน, ไทเป
This entry was posted on Saturday, January 30th, 2016 at 9:07 am and is filed under Travel. You can follow any responses to this entry through the RSS 2.0 feed. Responses are currently closed, but you can trackback from your own site.
Comments are closed.