แบกเป้จากศูนย์สู่ “หลังคาโลก” ทิเบต (7)
จากเดิมจุดหมายปลายทางของคณะผมหลังจากเมืองลาซาเราจะเดินทางต่อไปยังเอเวอร์เรสต์เบสเคมป์ แต่ด้วยผลกระทบจากแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่เนปาล ทำให้เราต้องมีการปรับเปลี่ยนเส้นทาง โดยจุดหมายสำคัญของเราในเส้นทางนี้ คือ ทะเลสาบลาว็อก หรือ Lawok Lake และ ธารน้ำแข็งมิดุย หรือ Mi Dui Glacier 1 ใน 3 ธารน้ำแข็งในประเทศจีน
ความน่าสนใจของทั้ง 2 สถานที่ที่ผมจะเดินไปนั้นก็คือ เส้นทางที่แสนจะหฤโหดตลอดการเดินทาง รวมถึงความดิบของสถานที่เพราะยังมีนักท่องเที่ยวน้อยคนนักที่เดินทางมาถึง สำหรับคนไทยแล้วคณะผมน่าจะเป็นกลุ่มแรกๆ ที่เลือกจะเดินทางมาในเส้นทางนี้ด้วยซ้ำไป
ระยะทางสำหรับช่วงแรกที่เราจะเดินทางนั้นคือ 470 กิโลเมตร บนเส้นทางที่เรียกว่าเส้นทางมิตรภาพ ระหว่างประเทศเนปาล ทิเบต ไปสิ้นสุดที่เมืองเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน ระยะทางรวมกว่า 5,000 กิโลเมตร
เราต้องออกเดินทางตั้งแต่เช้า โดยนัดหมายในวันนี้ของเราคือ 7 โมงครึ่ง เพราะอาจจะใช้เวลาเดินทางมากกว่า 9 ชั่วโมงบนระยะทางประมาณ 470 กิโลเมตรในช่วงแรกของการเดินทาง
เกือบ 4 ชั่วโมงช่วงแรกของการออกเดินทางไกลในวันนี้ เราเดินทางมาถึงจุดพักรถจุดที่ 2 โดยตลอดทางที่เราเดินทางมาเป็นการไต่ระดับขึ้นมาที่สูงตลอดเส้นทาง โดยจุดพักรถจุดนี้ถือว่าเป็นไฮไลท์อีกจุดหนึ่งเพราะอยู่บนความสูงที่ระดับ 5,013 เมตร จากระดับน้ำทะเล และถือว่าเป็นจุดที่สูงที่สุดบนเส้นทางนี้
อนุสาวรีย์จามรีขนาดใหญ่ 3 ตัวตั้งตระง่านด้านหน้า นักท่องเที่ยวจำนวนมากลงพักลงไปถ่ายรูปที่จุดนี้ ทิวทัศน์สวยมากทีเดียวครับ และต้องบอกว่าด้วยความสูงขนาดนี้นอกจากออกซิเจนที่ค่อนข้างน้อย อุณหภูมิยังค่อนข้างต่ำและลมแรงอีกด้วยครับ
รอบบริเวณเราจะเห็นธงมนตราถูกขึงโยงไปมาตามความเชื่อของชาวทิเบตอย่างมากมาย บนตัวอนุสาวรีย์จามรีผู้คนจำนวนมากจะนำผ้าพันคอสีขาวมาคล้องจามรีคล้ายเป็นการทำความเคารพต่อสัตว์ที่เหมือนเป็นทุกสิ่งของชาวทิเบต
ใช้เวลาไม่นานนักเราเดินทางกันต่อไปยังจุดหมายในค่ำคืนนี้ โดย 2 ข้างในช่วงแรกวิวทั้ง 2 ด้านจะเป็นแนวเขาสูงตลอดแนว โดยเราจะต้องผ่านหมู่บ้านเล็กๆ หลายแห่ง การเดินทางต้องบอกเลยครับว่าไม่ง่ายเลยทีเดียว เพราะเส้นทางที่อยู่ระหว่างการทำใหม่ ทำให้หลายๆ ช่วงผ่านไปด้วยความยากลำบากมาก
ภูเขาที่ยังปกคลุมไปด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่บริเวณที่เราผ่าน คือ บริเวณเขตป่าที่สมบูรณ์ที่สุดในทิเบต เส้นทางนี้ด้านหนึ่งจะติดเขา อีกด้านเป็นเหวลึกน่ากลัวเดียวครับสำหรับการเดินทาง
เราจะเห็นคล้ายแม่น้ำด้านล่างซึ่งในช่วงเวลานั้นกระแสน้ำถือว่าเชี่ยวกรากทีเดียวครับ แม้ว่าจะเป็นช่วงฤดูร้อนก็ตาม โดยน้ำในแม่น้ำที่เราเห็นตลอดเส้นทางเป็นน้ำที่ละลายมาจากหิมะบนภูเขาสูงตลอดแนวของการเดินทาง
เราพักรถเป็นช่วงๆ ตลอดเส้นทางเพื่อยืดเส้นยืดสาย และถ่ายรูปวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของ 2 ข้างทางซึ่งหากคุณโชคดีบริเวณด้านบนเขาที่เป็นจุดพักรถคุณอาจจะเห็นเทือกเขาหิมาลัยได้เลยทีเดียวโดยในวันนี้เราเดินทางประมาณ 470 กิโลเมตร โดยใช้เวลาประมาณ 9 ชั่วโมง
บางช่วงของจุดพักรถเราอาจจะได้เห็นอีกสิ่งที่น่าสนใจสำหรับใครหลายๆ คนที่รักสัตว์นั้นคือ สุนัขพันธุ์ ทิเบตัน มาสทิฟฟ์ ยักษ์ใหญ่ของชาวทิเบตที่ดูเกรงขาม สนนราคาของพ่อพันธุ์บางตัวเคยมีข่าวว่าสูงถึง 30 ล้านบาทเลยทีเดียว
จุดพักจุดต่อไปสำหรับผมในวันนี้ถือว่าน่าสนใจทีเดียวครับ เพราะบรรยาศรอบด้านสวยงามมากครับ นักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อยหยุดพักที่จุดนี้ สะพานข้ามแม่น้ำที่ถูกตกแต่งด้วยธงมนตราหลากสี เราเสียค่าข้ามสะพานเพื่อไปอีกด้านหนึ่งคนละ 1 หยวน
ความเชื่อที่ทำให้ผมแปลกใจก็คือ ที่นี่มีการนำหินมาเรียงต่อกันทั่วบริเวณครับ บางกองอาจจะไม่สูงมาก ในขณะที่บางกองหินถูกเรียงต่อกันหลายชั้นจนน่าตกใจ เราหยุดเพื่อถ่ายรูปบริเวณนั้นอยู่ไม่นานเพราะยังต้องเดินทางต่อไปอีกหลายกิโลเมตร
เกือบ 10 ชั่วโมงสำหรับการเดินทางในวันนี้ยังไม่ใช่จุดหมายปลายทางของผม โดยเราจะต้องออกเดินทางยาวอีกครั้งในวันรุ่งขึ้นเพื่อเดินทางต่อไปยังเมืองโพมิ ระยะทางประมาณ 220 กิโลเมตรจากเมืองจากเมืองบายี Bayi ที่เราจะพักค้างแรมในคืนนี้
มื้ออาหารเย็นในช่วงเวลาประมาณ 2 ทุ่มหลังจากเดินทางมากว่า 10 ชั่วโมง ไกด์แนะนำให้เราลองกินอาหารขึ้นชื่อของเมืองบายี คือ Tibet Hot Stone Pot หรือ ไก่ตุ๋นอบสมุนไพรในหม้อหิน เมนูนี้เป็นหนึ่งเมนูที่ผมของแนะนำที่ใครไปพักเมืองบายีต้องลองเลยครับ
รสชาติอาหารถือว่าคล้ายๆ กับตุ๋นไก่บ้านเรา แต่มีความหอมของเครื่องเทศ สมุนไพร หลากหลายชนิดอร่อยทีเดียวกับเมื่อได้กินพร้อมกับข้าวสวย ราคาก็ไม่เบาเช่นเดียวกันครับ ชุดที่ผมสั่งกินในคืนนั้น เสิร์ฟพร้อมผักและไก่ รวมเครื่องเคียง ราคา 640 หยวน สำหรับ 5-6 คนผมว่าอิ่มอร่อยพอดีๆ ครับ
หลายคนคงสงสัยว่าตลอด 10 ชั่วโมงของการเดินทาง เราหยุดพักเข้าห้องน้ำ กินข้าวกันที่ไหน อย่างไร ผมก็ตอบว่า เรากินข้าวกลางวันกันในเมืองเล็กๆ ระหว่างทางซึ่งเป็นคล้ายกับเมืองพักรถของนักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังเส้นทางนี้ ร้านอาหารพื้นบ้านหลายแห่งรสชาติเปลี่ยนไปตามภูมิประเทศ และสิ่งแวดล้อมโดยรวม
สำหรับเรื่องห้องน้ำ คำแนะนำส่วนตัว คือ การเข้าห้องแบบสาธารณะ นั้นคือการใช้บริการทุ่ง พุ่มไม้ น่าจะเป็นคำตอบได้ดีกว่าการใช้บริการห้องน้ำตามร้านอาหาร หรือจุดพักรถ เพราะผมมั่นใจว่าคุณจะไม่อยากเจอประสบการณ์แบบที่คุณคาดไม่ถึงอย่างแน่นอน
(โปรดติดตามตอนต่อไป)
Tags: Lawok Lake, mblog, Mi Dui Glacier, tibet, ทะเลสาบลาว็อก, ทิเบต, ธารน้ำแข็งมิดุย, ลาซา, หลังคาโลก, เที่ยวจีน, เที่ยวทิเบต, เอเวอร์เรสต์, แบกเป้
This entry was posted on Tuesday, July 28th, 2015 at 3:05 pm and is filed under Travel. You can follow any responses to this entry through the RSS 2.0 feed. Responses are currently closed, but you can trackback from your own site.
Comments are closed.