แล้ววันนี้…ปาฏิหาริย์ก็มีจริงๆ
.
เมื่อวานซืนพี่พิงค์ชวนไปเยี่ยมพี่น้องเราที่ยังรักษาตัวอยู่ตามโรงพยาบาลต่างๆกันอีกหลายท่านทีเดียว
เพื่อเป็นการให้กำลังใจพี่น้องพันธมิตร
และดูว่าอาจจะมีอะไรขาดเหลือที่พวกเราพอจะช่วยได้บ้างเพื่อเป็นการตอบแทนในความเสียสละยิ่งของพวกเค้า
โครงการนี้คิดกันไว้นานแล้ว ตั้งใจจะไปเยี่ยมหลายครั้งหลายคราแต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้ไปซักที
หาเวลาว่างตรงกันไม่ลงตัว คราวนี้พี่พิงค์ลางานไว้ว่าจะชวนไปกันหลายๆคนแต่เป็นวันทำงานเลยต้องไปกันได้แค่3 คน ฉัน พี่พงค์ พี่จอม
ตกลงว่าพรุ่งนี้เราจะไปเยี่ยมพี่เจ๊ก (พี่คนที่ขาขาด บนปกหนังสือตำรวจฆ่าประชาชน)
กับพี่รุ่งทิวา (พี่สาวที่โดนระเบิดตรงศีรษะ) ที่โรงพยาบาลจุฬากัน
ตอนเช้าฉันรับหน้าที่โทรไปปลุกพี่จอมตอน9 โมงครึ่ง เพราะปกติพี่แกนอนเช้าตื่นบ่าย
เช้ามาเห็นพี่แกยังไปเม้นตามบ้านต่างๆอยู่จนตี 4 กว่าๆ
ยังนึกอยู่ว่าจะตื่นมั๊ยนะ แต่ก็ไม่ยากเย็นอย่างที่คิด นัดเจอกันตอนเที่ยงครึ่ง
ไปแวะทานข้าว และซื้อของติดไม้ติดมือไปเยี่ยมพี่เค้าซะหน่อย
ไปถึงโรงพยาบาลก็ปาเข้าไปบ่าย 2 แล้ว
แวะไปเยี่ยมพี่เจ๊กก่อน มีคนแวะมาเยี่ยมก่อนหน้า 2-3 คน
ดูพี่เค้าซูบลงมากเมื่อเทียบกับรูปถ่าย แต่ก็ดีขึ้นมากแล้ว ขาข้างซ้ายที่ขาดไป
แผลแห้งเกือบสนิทแล้ว แต่ขาข้างขวาซึ่งร่องรอยเหมือนโดนไฟลวก ดูเหมือนเนื้อจะตาย
เป็นแผลใหญ่มากทีเดียว ช่วงนี้ก็ต้องมีการทำกายภาพเพื่อให้กล้ามเนื้อแข็งแรง
เมื่อแผลหายสนิทดีแล้ว ก็จะทำการวัด และใส่ขาเทียมต่อไป แต่พี่เค้าก็กำลังใจดีมากๆ
พี่เจ๊กเล่าถึงเหตุการณ์วันที่ 7 ตุลาว่า แกเป็นการ์ด สรส.โดนระเบิดตั้งแต่ลูกแรกเลย
แต่ไม่รู้ตัว (อาจเพราะยังรู้สึกชาอยู่ก็ได้) พอระเบิดลงเพื่อนมาเรียกเค้าบอกว่าให้ไปเตรียมตัวเถอะ
ตำรวจยิงแล้ว แกหันมาบอกให้เพื่อนไปก่อนยังไม่ได้เก็บของเลย หันมาเห็นตัวเองไม่มีขาแล้วยังพูดว่า “ เฮ้ย ไม่มีขาแล้วจะไปยังไง”พี่เจ๊กบอกว่าตำรวจก็ไม่ช่วยอะไรเลย
แค่เอาน้ำมาล้างหน้าให้ จนแกต้องบอกว่า เจ็บมากทนไม่ไหวแล้ว เลือดออกจนหมดก๊อกแล้ว
(ไม่รู้ว่าตำรวจพวกนั้นจิตใจมันทำด้วยอะไร เป็นมนุษย์หรือเปล่า ถึงเห็นคนเจ็บขนาดนั้น
แล้วยังนิ่งดูดายไม่ทำอะไรได้) แต่พี่เค้าก็บอกว่าไม่โทษใคร เค้าอยากมาของเค้าเอง
คราวหน้าถ้ามีการชุมนุมอีกก็จะมา นับถือในจิตใจอันเข้มแข็งเด็ดเดี่ยวของพี่เจ๊กมากค่ะ
พี่เจ๊กเล่าว่า
มีนักข่าวช่องต่างๆติดต่อมาขอสัมภาษณ์แต่ปฏิเสธไปหมด ไม่อยากคุยด้วย
(เป็นฉันก็คงปฏิเสธก็ออกข่าวบิดเบือนกันซะขนาดนั้น ใครจะไปอยากคุยด้วยล่ะ
หาว่าพี่เค้าขาขาดอยู่แล้วบ้างล่ะ เอาน้ำแดงมาราดบ้างล่ะ
หรือวันนี้สื่อดีๆได้ถูกอำนาจเงินกลืนกินไปหมดแล้ว)
คุยกันซักพักพวกเราก็ขอตัวไปเยี่ยมพี่รุ่งทิวาต่อ ก่อนกลับแลกเบอร์โทรกันไว้
พี่เจ๊กบอกว่าเผื่อกลับบ้านแล้วพันธมิตรมีงานอะไร จะได้โทรบอกให้ไปเที่ยวที่ชุมพรกัน
ร่ำลากันเสร็จแล้วพวกเราเดินไปอีกตึกเพื่อเยี่ยมพี่รุ่งทิวา
ระหว่างรอลิฟท์เจ้าหน้าที่เดินมาถามพี่จอมซึ่งสะพายกล้องไปด้วยว่ามาทำอะไร
เป็นนักข่าวหรือเปล่า พอบอกว่ามาเยี่ยมพี่รุ่งทิวา
เค้าก็ตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่าเพิ่งย้ายออกจาก ICU วันนี้เอง
ก็พอดีกับสามีพี่รุ่งทิว่าซึ่งเพิ่งมาถึงเหมือนกันหิ้วขนมมาแจกเจ้าหน้าที่ถุงใหญ่เชียว
คงเพิ่งมาจากโคราช และก็เพิ่งทราบเหมือนกันว่าพี่รุ่งทิวาย้ายห้องแล้ว
ก็เลยเดินไปพร้อมกัน ตอนแรกคิดว่าคงแวะมาไม่นานเพราะพี่รุ่งทิวาแม้อาการจะดีขึ้นมากจากวันแรก
แต่ก็เพิ่งรับรู้ได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
พวกเราคุยกับสามีพี่เค้าอยู่ร่วมชั่วโมงด้วยหน้าตายิ้มแย้มอยู่ตลอด
(มัวแต่คุยเพลินจนลืมถามชื่อพี่เค้าล่ะ)พี่เค้าเล่าเรื่องต่างๆให้ฟังมากมาย
เริ่มตั้งแต่แต่งงานกับพี่รุ่งทิวาเพราะผู้ใหญ่เห็นว่าอายุถึงวัยที่จะมีครอบครัวได้แล้ว
ก็นำรูปผู้หญิงมาให้เลือก 4 คน
แต่พี่เค้าไม่เลือกบอกว่าตามใจแม่ให้แม่เป็นคนเลือกให้
แม่ก็เอาดวงไปดูแล้วเข้ากับพี่รุ่งทิวาได้ ก็นัดเจอกันประมาณ 4 ครั้งก็แต่ง ไม่ได้รักกัน มาก่อน ตอนนั้นยังไม่มีอะไรเลยด้วยซ้ำ
พี่รุ่งทิวาก็บอกไม่เป็นไร ฝ่าฟันมาด้วยกันจนความผูกพันกลั่นตัวเป็นความรัก พร้อมลูกอีก2 คน ลูกชายก็เคยติดยาหนักตอนเรียนอยู่ชั้นมัธยม
แต่พี่เค้าก็ดูแลด้วยความรัก
ความเข้าใจจนลูกชายกลับใจและเลิกยาได้อย่างเด็ดขาดในที่สุด ตอนนี้มีครอบครัว
มีหลานให้พี่เค้าอุ้มแล้วด้วยวัย 4-5 เดือน
ซึ่งพี่รุ่งทิวาเป็นคนช่วยดูแลด้วยตนเอง
พี่รุ่งทิวามาชุมนุมตั้งแต่ปี 48 มาของเค้าคนเดียว จ้างคนขับรถมาให้
บางครั้งก็ให้มานั่งเป็นเพื่อนกลางแดดร้อนเปรี้ยงด้วยหัวใจอันเด็ดเดี่ยวที่ออกมาต่อสู้เพื่อความถูกต้อง
เพื่อประเทศชาติ และต่อเนื่องมาจนถึงปี 51 สามีพี่เค้าบอกว่า
พี่รุ่งทิวามักเช่ารถมากับเพื่อน กลับไปก็ไม่ค่อยได้เล่าอะไรให้ฟัง อาจเพราะกลัวว่าพี่เค้าจะไม่ให้ไปร่วมชุมนุมอีก
ล่าสุดพี่รุ่งทิวาเพิ่งกลับไปถึงบ้านที่ปากช่อง วันที่ 6 พอได้ยินข่าวสลายการชุมนุมก็กลับมาอีกโดยฝากหลานไว้กับซิ่มข้างบ้านให้ช่วยเลี้ยงให้
มาถึงรัฐสภาตอนช่วงบ่ายๆ อยู่ร่วมกับเพื่อนๆแถวสวนสัตว์ดุสิต และโดนระเบิดตอนช่วง 4 โมงเย็น เพื่อนๆที่มาด้วยกันก็เจ็บหนักหลายคนแต่พี่รุ่งทิว่าหนักที่สุด
สามีพี่เค้าได้ทราบข่าวตอนประมาณ 4 ทุ่ม
มีพันธมิตรด้วยกันมาแจ้งข่าวที่บ้าน
วันแรกๆอาการหนักมาก ลุ้นกันวันต่อวัน
ฉันนึกถึงภาพที่แกนนำเอามาให้ดูที่ชุมนุม เสียงร้องไห้ระงมไปทั้งทำเนียบ ตามด้วยเสียงก่นด่า
สาปแช่งพวกเดรัจฉานที่ทำร้ายได้แม้กระทั่งผู้หญิง วันนั้นเรายังสงบนิ่งส่งแรงใจให้พี่รุ่งทิวา
อธิษฐานขอให้ปาฏิหาริย์เกิดขึ้นสักครั้ง แล้ววันนี้ปาฏิหาริย์ก็มีจริงๆ พี่รุ่งทิวาอาการดีขึ้นเรื่อยๆ
หมอยืนยันว่ามีชีวิตรอดแน่นอน แต่ต้องรอดูอาการอย่างใกล้ชิดต่อไปอีกระยะหนึ่งเพราะไม่รู้ว่าสมองส่วนไหนที่ถูกทำลายไปบ้าง
ภาพที่สามีแกคอยเรียกพี่รุ่งทิวา คอยดูแลเอาใจใส่อย่างใกล้ชิดด้วยความรัก
ความหวังเพียงให้พี่รุ่งทิวามีกำลังใจที่จะสู้ต่อไป ทำเอาพวกเราน้ำตาคลอ เหมือนมีก้อนอะไรมาจุกอยู่ที่คอ
(แอบเห็นพี่จอมน้ำตาไหลด้วย) พี่เค้าต้องเดินทางไปกลับ กรุงเทพ – โคราช เกือบทุกวัน
คุณแม่เค้าก็เข้าโรงพยาบาลไล่ๆกับพี่รุ่งทิวา และเสียชีวิตแล้ว วันนี้เพิ่งมาโรงพยาบาลหลังจากเสร็จจากงานศพ
ความเจ็บปวด ความสูญเสีย ปัญหาต่างๆาถาโถมเข้ามาจนคิดว่าถ้าเป็นตัวเราจะก้าวผ่านอุปสรรคเหล่านี้ไปได้ยังไงกันนะ
แต่พี่เค้าก็ยังยิ้มได้ ศรัทธาในหัวใจอันเข้มแข็งของพี่เค้าจริงๆ พี่เค้าเล่าอีกว่าเค้าบอกลูกเสมอว่าไม่ต้องเสียใจที่แม่เป็นแบบนี้
เป็นความตั้งใจของแม่เค้า แม่เค้าเต็มใจทำเพื่อในหลวง เพื่อประเทศชาติ
วันนี้ตั้งใจมาเป็นผู้ให้
จะมาให้กำลังใจพี่น้องเรา แต่กลับเป็นผู้รับกันไปเต็มๆ ซึมซับรับความรู้สึกดีๆ ความมีน้ำใจ
ความเสียสละ และได้ข้อคิดดีๆกลับมามากมาย ปัญหาของเราที่เคยรู้สึกว่ามันยิ่งใหญ่
หนักหนา ทำเอาท้อใจเสียเหลือเกิน วันนี้เล็กลงถนัดใจ ไม่ได้เศษเสี้ยวที่พี่เค้าประสบพบเจอมาเลยจริงๆ
วันนี้มีแรงพลังกลับมาเต็มหัวใจทีเดียว
เป็นอีกครั้งที่รู้สึกนับถือในหัวใจอันกล้าหาญเด็ดเดี่ยว ความมีน้ำใจ ความเสียสละ
และหัวใจศรัทธาอันแรงกล้าของเหล่าพี่น้องพันธมิตร สิ่งต่างๆเหล่านี้นับวันยิ่งหาได้ยากในสังคมที่แก่งแย่งชิงดี
สังคมที่ผู้คนสนใจแต่ประโยชน์ส่วนตัวมากขึ้นทุกวัน แต่กลับมีอยู่อย่างล้นเหลือที่พันธมิตร
ถึงวันนี้ยังอยากย้ำอีกครั้งว่าดีใจ … ดีใจจริงๆที่ได้เป็นพันธมิตร
ได้เป็นส่วนหนึ่งของสังคมที่เปี่ยมไปด้วยน้ำใจ ซึ่งหาได้ยากขึ้นทุกทีๆ ในสังคมไทย
พวกเราเป็นเด็กกำพร้ามาอาศัยอยู่ทีวัดโบสถ์วรดิตถ์อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง มาอาศัยอยูประมาณ 300 ชีวิต รอความช่วยเหลือ พวกเราอยากกินน่องไก่ทอด ก๋วยเตียว ราดหน้า พะโล้ ต้องการข้าวสารอาหารแห้ง ติดต่อสอบถาม 0817133557
เที่ยวปีใหม่สนุกมั๊ยครับ หวังว่าคงไปชาร์ตแบ็ตมาจนล้นแล้วนะ ขอให้สุขภาพแข็งแรงและแข็งแรงยิ่งๆขึ้นไปนะ วันก่อนได้เห็นคลิปเก่าของทีจีโอ ในบล็อกลูกขะแมร์ นึกว่าใครหน้าคุ้นๆ คิดว่าวันนั้นเป็นครั้งแรกที่พี่เห็นทีจีโอเต็มๆนะ (ปกติได้แต่เดินผ่าน) วันนั้นเห็นนายอิ๊ปยังใสๆอยู่เลยนะ ฮ่าๆๆ
สวัสดีปีใหม่แด่น้องเจี๊ยบค่ะ
สวัสดีปีใหม่ให้สุขขี
ให้เปรมปรีดิ์มีฤดีเกษมสันต์
ให้สุขกายสบายจิตถ้วนทั่วกัน
ให้สราญบานชื่นรื่นฤทัย
ที่เจ็บไข้ให้หายคลายจากเจ็บ
ที่หนาวเหน็บให้อุ่นกรุ่นสดใส
ที่ทุกข์ท้อขอให้คลายเศร้าใจ
ให้ปีใหม่มีสุขศรีทุกวี่วัน
“ชาลี”
🙂 )))
จะบอกได้ทันมั้ยนะเนี่ย
มาร่วมให้ กําลังใจกับพี่ เจค
P.S. ทําไม ใส่รูป โปรไฟล ไม่ได้สักที
Sek: tui
พี่ bonkalasin เข้ามา กทม. ก็บอกกันบ้างนะคะเผื่อจะได้มีโอกาสไปเยี่ยมเยียนพี่น้องเราด้วยกันค่ะ
นับเป็นโอกาสอันดีแห่งชีวิตที่ได้มีโอกาสมาสัมผัสบางสิ่งที่เริ่มหายไปในสังคมปัจจุบัน
….แต่หาได้อย่างเหลือเฟือที่พันธมิตร เท่านั้น
มีเวลาอย่าลืมไปเยี่ยมพี่น้องของเราบ่อยๆนะครับ
วันไหนแวะเวียนเข้า กทม.อีก จะมากระซิบบอกอีกที
เผื่อจะได้ร่วมก๊วนไปเยี่ยมพี่น้องของเราที่โรงพยาบาลด้วยนะ…