ถนนของฉัน
ไม่เป็นไรถูกใช้ในการแก้ตัวเมื่อเราทำเรื่องน่าละอายที่แม้แต่ตัวเราก็รับมันไม่ได้
ไม่เป็นไรถูกเก็บไว้ใต้ฝ่าเท้า
ที่เปื้อนคราบน้ำลายของเรา
ยามหมิ่นค่าคนที่กระทำการอันไม่เห็นพ้องต่อเรา
ไม่เป็นไร มีไว้เพื่อ การเข้าข้างตนเอง
ไม่เป็นไร มีไว้เพื่อปลอบประโลมใครสักคนในวันท้อแท้
ไม่เป็นไร คำที่ฉันมักบอกต่อตนเอง
ในยามที่ความเหงามาเคาะประตู
ไม่เป็นไร ถูกใช้พร่ำเพื่อจนฉันเริ่มไม่เชื่อตนเอง
และหวังพึ่งพาใครสักคน
ให้ใช้ คำว่า ไม่เป็นไร ต่อฉัน
ในยามที่ฉันอ่อนแอ…
แต่เหมือน…มันเป็นเพียงความฝัน…
และความหวังอันลางเลือน…
.
ไม่เป็นไรถูกใช้ในการแก้ตัวเมื่อเราทำเรื่องน่าละอายที่แม้แต่ตัวเราก็รับมันไม่ได้
ไม่เป็นไรถูกเก็บไว้ใต้ฝ่าเท้า
ที่เปื้อนคราบน้ำลายของเรา
ยามหมิ่นค่าคนที่กระทำการอันไม่เห็นพ้องต่อเรา
ไม่เป็นไร มีไว้เพื่อ การเข้าข้างตนเอง
ไม่เป็นไร มีไว้เพื่อปลอบประโลมใครสักคนในวันท้อแท้
ไม่เป็นไร คำที่ฉันมักบอกต่อตนเอง
ในยามที่ความเหงามาเคาะประตู
ไม่เป็นไร ถูกใช้พร่ำเพื่อจนฉันเริ่มไม่เชื่อตนเอง
และหวังพึ่งพาใครสักคน
ให้ใช้ คำว่า ไม่เป็นไร ต่อฉัน
ในยามที่ฉันอ่อนแอ…
แต่เหมือน…มันเป็นเพียงความฝัน…
และความหวังอันลางเลือน…
.
.
.
.
.
“
.
.
เส้นทางของฉัน เหมือนหนูที่วิ่งอยู่ในกงล้อ
เหน็ดเหนื่อย และไม่ได้ไปไหน
ฉันวิ่งสุดตัว อย่างหนู่โง่ๆที่ไม่มีอะไรจะทำ
ละโมบ หิวโหยและเกียจครั้าน
เมื่อครั้งที่ฉันเป็นเด็กเล็กๆฉันเฝ้ามองเส้นทางของมดพลางสงสัยว่า…เส้นทางของมันไปสิ้นสุดที่ตรงไหน
เวลาส่วนใหญ่จึงหมดไปกับการเฝ้ามองมัน
แล้วแม่ก็บอกว่าฉันควรเอาเวลาไปช่วยแม่กวาดบ้านแล้วเอายามาฉีดรังมดเสียดีกว่า
ไม่เป็นไร…ลืมความตั้งใจนั้นเถอะ…
แล้วทำอย่างที่แม่บอก…ทำอย่างที่คนเขายอมรับกัน…
พอโตขึ้นหน่อยฉันได้เห็นน้ำในลำธารจากน้ำตก
ทำให้ฉันวาดๆๆๆๆเส้นทางของน้ำและฉันฝันวาดว่าโตขึ้นจะได้เป็นจิตรกร
แต่พ่อบอกว่าฉันวาดรูปได้แย่มาก ควรเอาเวลาไปตั้งใจเรียนดีกว่า
ไม่เป็นไร…ลืมความตั้งใจนั้นเถอะ…
แล้วทำตามที่พ่อบอก…ทำอย่างที่คนเขายอมรับกัน…
พอโตขึ้นหน่อย ฉันเริ่มรู้สึกว่าอยากเดินทาง และฉันรู้จักถนนจริงๆจากคนรักคนแรก
เมื่อเขาพาฉันเดินทางด้วยการหัดให้ฉันขี่รถจักรยานยนต์
.
.
ในตอนนั้นฉันเฝ้าวาดหวังไม่อยากให้ถนนนั้นสิ้นสุดลง
แต่ชีวิตจริงและความฝันนั้นต่างกัน
ช่วงวันที่ถนนความจริงและความฝันขนานกันจึงจบลง
เขาเดินจากไป…
ฉันบอกตัวเองว่า…ไม่เป็นไร…ลืมมันซะเถอะ
แล้วใช้ชีวิต…อย่างคนทั่วไปต่อไป…
.
ฉันเลือกเดินบนถนนชีวิตเส้นหนึ่ง
วันแล้ววันเล่า
ฉันอยู่ในถนนเส้นเก่าๆและเดินวกไปวนมา
ช้าบ้างเร็วบ้างราวกับหนูถีบจักร
ด้วยความขลาดกลัว หรือเพราะจริงๆ ฉันหยาบกระด้างเกินกว่าจะสนใจใครนอกเสียจากตัวเราเอง
.
.
.
ฉันเชื่อมั่นว่า สิ่งที่ปลอดภัยที่สุดก็คือไม่ควรจะเปลี่ยนแปลงอะไร
โดยเฉพาะเส้นทางถนนที่คุ้นชิน
ฉันจึงย่ำเดินอยู่เพียงถนนเส้นเก่า
ฉันหลงลืมไปว่า ถนนที่ฉันเดินอยู่ทุกวัน
หน้าที่ของมัน ไม่ได้มีเพียงนำฉันไปสู่ใครๆ หรือย่ำอยู่ตามที่ๆฉันปรารถนาเท่านั้น
หากแต่หน้าที่อีกอย่างของมันคือ นำคนบางคนเข้ามาสู่ชีวิตด้วยเช่นกัน
.
.
.
.
วันหนึ่ง
ถนนของฉันจึงนำพาใครบางคนเข้ามา
แรกเริ่ม…
ฉันไม่ได้แปลกใจอะไรนัก
มีคนผ่านมาผ่านไปมากมาย…
เพราะทุกคนล้วนย่อมเดินทางเข้ามาและจากไป…
เวลาผ่านไป…ฉันหลงลืมที่จะสังเกตว่า
ฉันไม่ได้เป็นเช่นหนูถีบจักรอีกแล้ว
สองข้างทางดูสวยงาม
เมื่อเขาเดินข้างๆ
ฉันเริ่มเดินช้าลงอย่างมั่นคง…สม่ำเสมอ
ใส่ใจในรายละเอียดบางอย่าง
และรู้สึกเป็นสุข
เส้นทางของฉัน…ช่างสวยงาม
จนฉันหลงลืมนึกถึงจุดหมาย
ไม่เป็นไร…เดินช้าหน่อยก็ได้…
ลืมเรื่องจุดหมายสักครู่…คงไม่เป็นไร…
ในเมื่อความสุขระหว่างทางช่างรื่นรมย์…
.
.
.
.
.
ชีวิต…
ยังคงดำเนินต่อไป
เมื่อวันนึง
ความสุขไปเที่ยวเล่น
และเขาออกเดินทางในเส้นทางของเขา
ฉันทำได้เพียง
หยุดเดินตรงทางแยกนั้น
เฝ้าร้องไห้
เส้นทางที่คุ้นชิน
ดูน่ากลัวและฉันหวาดระแวงเกินกว่าจะไปต่อ
ฉันยังเฝ้ารอตรงทางแยกนั้น
อย่างหวังว่า
เขาจะกลับมาและพาฉันร่วมเดินทางอีกครั้ง
หวังว่า…เขาจะกลับมา…
จับมืออย่างปลอบประโลม
และเอ่ยว่า”ไม่เป็นไร”
.
การรอคอยของฉันหยั่งรากลึก
เติบโตเป็นต้นไม้แห่งความสิ้นหวังออกดอกผลเป็นน้ำตา
วันแล้ววันเล่า
จนกระทั่งคืนหนึ่ง
พายุชีวิตพัดโหมกระหน่ำ
และฉันมิอาจเสียใจได้อีกต่อไป
แม้ว่าจะบอบช้ำเพียงใด
แต่ความขลาดกลัวร้องบอกต่อฉันว่า
ฉันควรจะกลับไปเดินในเส้นทางเดินของตน
ทันทีที่ฉันตัดสินใจหันหลังกลับ
ต้นไม้ตรงทางแยกนั้น
ทิ้งตัวโค่นลง
ต้นความทรงจำผุดขึ้นมาแทน
ฉันไม่ได้กลับไปมองมันแม้แต่น้อย
ด้วยกลัวหัวใจตนเอง
.
ฉันกลับมาเดินในเส้นทางเดิมๆ
และใช้ชีวิตที่หยาบกระด้าง
เฝ้าบอกตัวเองเพียงแผ่วเบา
ว่าไม่เป็นไร ไม่เป็นไร
และย่ำเดินอย่างไร้จุดหมายราวกับหนูถีบจักรไปวันๆ
อย่าถามถึงความหลัง
เพราะฉันจำมันไม่ได้
และฉันพึงพอใจต่อการมีชีวิตและสมองเท่าหนูถีบจักร
ไม่เป็นไร…ไม่เป็นไร…
สมองของฉัน…อ่อนล้า…
จนบางที…ฉันก็จำไม่ได้…
ว่าฉันเดินมาจากไหน…และจะไปไหน…
ไม่เป็นไร…ไม่เป็นไร…
ช่วงนี้
เป็นช่วงสอบค่ะ
ต้องโหมอย่างหนัก
ขอโทษที่ไม่มีเวลาไปเยี่ยมตามบล็อก…
ยังไงเมื่อมรสุมผ่านไปจะแวะเวียนไปเยี่ยมค่ะ
เอนทรีแนะนำ
บุหลันบินหลา…สู่เบตง
http://www.oknation.net/blog/spellmoon/2009/08/28/entry-1/comment#post
Good luck in your exams… na ja 🙂
ชอบทั้งภาพและข้อความค่ะ
..
The show must go on….Keep walking
(แต่ไม่จำเป็นต้องดื่มจอห์นนี่ วอล์กเกอร์นะคะ อิอิ)
สู้ๆค่ะ เป็นกำลังใจให้
ทบทวนความรู้สึกได้แม่นยำ..
เวลาพาเรามาเจอสิ่งนี้เสมอนะคะ
ก้าวเดินไปด้วยกำลังใจและพลังความหวังในสิ่งทีดีกว่าตามเส้นทางสายเดิมก็ได้นะคะ
ชอบกลอนเปล่าเรื่องนี้มากค่ะ..
เป็นกำลังใจให้ เทคแคร์ค่ะ 🙂