May 10 2010
ณ จุดเริ่มต้นคนเสื้อหลากสีเชียงราย..+*
คนไทยก็คงไม่เหน็ดเหนื่อย แตกแยกแบ่งฝักแบ่งฝ่ายอย่างทุกวันนี้
ในแต่ละยุคแต่ละสมัยของสังคมที่มีในโลก นับตั้งแต่โลกได้เกิดขึ้นมา
ท่านผู้รู้(พ่อท่านสมณะโพธิรักษ์) ได้สอนว่า มันจะมีเช่นนี้
.
สังคมก็จะผาสุกสงบร่มเย็น
มีการเบียดเบียนกันน้อย แล้วโลกก็จะค่อย ๆเสื่อมไปตามกาละเวลาคือศีลธรรมของคนจะลดลง จนถึงไร้ศีลธรรม
คนจะไม่ค่อยละอายที่จะทำบาปไม่เชื่อว่ามีผลแห่งกรรม ที่จะตอบสนอง
การกระทำ
ที่ผิดบาปอกุศล ก็จะมีคนเห็นแก่ตัวมากขึ้น คนก็มีจิตใจโหดเหี้ยมกล้าทำร้ายทำลายฆ่าฟันกันได้อย่างเลือดเย็น
จะเดือดร้อนที่สุด ในพระพุทธศาสนา พระพุทธองค์ได้ทรงสั่งสอน
(ผ่านพระพุทธสาวกสืบต่อกันมาว่า) พุทธศาสนา (ซึ่งเป็นอเทวนิยม
คือไม่นับถือเทวดาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แต่เชื่อกรรม เชื่อผลแห่งการกระทำ(กรรม)
แล้วก็จะสูญหายไปขณะที่ศาสนาเทวนิยม(เชื่อว่ามีเทพเทวา ภูตผีปีศาจ
คอยดลบันดาลช่วย) จะยังคงอยู่ได้ตลอดนิรันดร์กาล
คือยุคแห่งความเดือดร้อนศีลธรรมเสื่อมทราม คนเห็นแก่ตัวมากขึ้น
ยิ่งใกล้จะสิ้นสุดพุทธกาละคือใกล้ครบ ๕,๐๐๐ ปี
เพื่อจะฉุดช่วยชุบชูจิตใจของมนุษย์
ให้ระลึกถึงศีลธรรม ให้บำเพ็ญความดีงามเพื่อฉุดชะลอความเสื่อมของโลกให้ช้าลง ให้มนุษย์ได้บำเพ็ญธรรมความดี
สั่งสมบารมี เพื่อจะได้บรรลุธรรมซึ่งมี ๔ ระดับ คือ พระโสดาบัน,
พระสกิทาคามี, พระอนาคามี และพระอรหันต์ ซึ่งผู้บรรลุธรรมเหล่านี้
ในสมัยพุทธกาล (ที่พระพุทธเจ้า ยังทรงมีพระชนม์ชีพอยู่)
พระพุทธสาวกที่บรรลุธรรม จำนวนมากก็เป็นฆราวาส ก็มีมาก
บรรยากาศของการประชุมในวันเริ่มต้นแห่งการเกิดมีกลุ่ม
ของคนเสื้อหลากสี จ.เชียงราย
ขึ้นมาวันนั้นจำได้ว่า ทุกคนที่ไปรวมกันที่ชุมชนดอยรายปลายฟ้า มีความรู้สึกเดียวกันคือ อึดอันคับข้องใจ
ในสถานการณ์บ้านเมือง ในตัวผู้มีอำนาจหน้าที่ที่จะทำให้บ้านเมืองดีขึ้น
(ผู้มีอำนาจสูงสุด) ผบ.ทบ.(ผู้มีอำนาจสูงสุดทางการทหาร)
รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม, รัฐมนตรีกระทรวงต่าง ๆ ที่มีอำนาจจะจัดการ
ปราบปรามหลายสิ่งหลายอย่างได้ ให้เกิดความสงบเรียบร้อยในบ้านเมือง
ก็กลับไปเป็นเงินเดือนเป็นค่าตอบแทนให้พวกเขา แต่เขาก็เอาแต่
รับเงินเดือนแพง ๆ กันแต่ไม่ยอมทำงาน
ให้คุ้มกับค่าแรงงานที่พวกราษฏร ได้จ่ายให้
.
.
ภาพเมื่อวันที่เราได้มีการประชุมกัน 25-4-2553
นำการชุมนุมคนเสื้อหลากสี เหมือนอย่างที่กรุงเทพมหานครได้เริ่มต้นก่อน
เป็นจังหวัดแรก และอีกหลายจังหวัดก็ได้มีการชุมนุมกันคึกคัก
แต่สำหรับเชียงราย ที่ชื่อว่าดงเสื้อแดง (คือจังหวัดที่ อยู่ใต้อำนาจ
อิทธิพลครอบงำของทักษิณ ชินวัตรและลูกน้อง) ก็เป็นเรื่องเสี่ยง
ที่ต้องมีความรอบคอบระมัดระวังในการเคลื่อนไหว
ว่าเราควรจะมีการดำเนินการแก้ปัญหาบ้านเมืองอย่างไร ? เราจะมีส่วนร่วมมือกันที่จะทำอย่างไร ให้บ้านเมืองดีขึ้น ?
(เพราะบ้านเมืองเป็นของเราทุกคน แต่ละคนจึงไม่ควรนิ่งดูดาย
ต้องช่วยกันคนละแรง แม้เราเป็นคนเล็ก ๆ แต่ ความสามัคคีจะพาให้
ชาติอยู่รอด ในหลวงก็เคยตรัสสอนไว้
เช่นนี้).
.
คลิปประชุมคนเสื้อหลากสีเชียงราย ภายใต้ชื่อกลุ่ม”คนไทยหัวใจรักชาติ ”
25-4-2553 ณ ชุมชนดอยรายปลายฟ้า จ.เชียงราย
ที่ชุมชนดอยรายปลายฟ้า จ.เชียงราย ชุมชนที่เคยถูกสมาชิกคนเสื้อแดง
ลอบเข้าไปเผากุฏิสมณะใหม้ไป ๒ หลัง (ปัจจุบันนี้ก็ยังคงอยู่ ยังไม่รื้อทิ้ง
แต่อย่างใด เพื่อเป็นอนุสาวรีย์แห่งการเมืองไทย
ไว้เป็นศูนย์ ศึกษาเรียนรู้
ทางการเมืองในอนาคต)ในที่ประชุมบ่ายวันนั้น แต่ละคนได้ทำความรู้จักกัน
และได้เปิดใจพูดความรู้สึกต่อปัญหา ของบ้านเมือง เสนอทางออกตาม
สติปัญญาของแต่ละคน ซึ่งผลสุดท้ายแห่งการประชุมเราก็ มีมติว่า
พวกเราต้องออกไปชุมนุมเพื่อแสดงพลังกันทุกวัน ร่วมร้องเพลงชาติกัน
บริเวณอนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งรายมหาราช ซึ่งคนเชียงรายรักและเคารพศรัทธา
ท่านว่าเป็นเสมือนพ่อของพวกเราทุกคน เราได้ลงมติตั้งชื่อกลุ่มว่า
“คนไทยหัวใจรักชาติ”
เป็นกลุ่มคนเสื้อหลากสี ของจังหวัดเชียงรายจำนวน ๒๐ กว่าคนได้ไปร่วมร้องเพลงชาติไทย, เพลงสดุดีมหาราชา
-สดุดีมหาราชินี และเพลงสรรเสริญพระบารมี
.
.
.
วิกฤตการการเมืองไทย
ที่โรงแรมริมกกรีสอร์ท ซึ่งมีท่านผู้รู้ที่มีความคิดเห็นที่น่าสนใจยิ่ง และมีความปรารถนาดี ต่อบ้านเมือง ได้ช่วยกันออกความคิดเห็น
เสนอแนวทาง ทางออกให้กับวิกฤติการเมืองไทย เพื่อรวบรวมส่งต่อไปยัง
เจ้าหน้าที่บ้านเมือง ที่ท่านมีอำนาจหน้าที่ที่จะทำให้ประเทศไทย
.
.
.
คลิปบรรยากาศการเสวนาเราจะฝ่าวิกฤติการทางการเมืองอย่างไร ?
จาก ห้องสีป้อ โรงแรมริมกก จ.เชียงราย 27-4-2553
แต่ได้ออกมาร่วมกันแสดงพลัง ความรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์
กันทุกวันไม่มีวันหยุดเลย
แม้จะมีการขอร้องจากทางเจ้าหน้าที่
ทหาร-ตำรวจ ให้หยุด ซึ่งหลายคนก็หยุด แต่พลังมวลชนที่ไม่ทราบข่าว
การให้หยุดชุมนุม ก็ยังคงมาทำกิจกรรมกันเอง ในวันที่พวกเรา
(จำนวนแรก ๆ)
ไม่ได้ไป พวกเขาก็ได้ร่วมกัน ทำกิจกรรมเช่น
ร้องเพลงชาติ ฯลฯ เหมือนที่พวกเราทำ
เป็นประจำกันเอง ก่อนจะแยกย้าย
กลับบ้านในเวลาประมาณก่อนหนึ่งทุ่มของทุกวัน
..
นี่คือพลังบริสุทธิ์ ที่ทำให้รู้สึกตื้นตันใจ และมีพลังที่จะช่วยกัน
เผยแพร่ความดีงามต่อไป..